รอยเตอร์ - เมื่อวานนี้ (11 ธ.ค.) อิหร่านลงนามข้อตกลงมูลค่า 16.6 พันล้านดอลลาร์กับบริษัทผู้ผลิตเครื่องบิน “โบอิ้ง” สัญชาติสหรัฐฯ สำหรับเครื่องบินโดยสารจำนวน 80 ลำ และเตหะรานยังระบุต่อว่า ใกล้ได้ข้อตกลงกับบริษัท แอร์บัส สำหรับคำสั่งซื้อเครื่องบินอีกจำนวนหนึ่ง ถือเป็นการทำสัญญาข้อตกลงครั้งใหญ่ระหว่างอิหร่านและบริษัทโลกตะวันตกนับตั้งแต่เกิดการปฏิวัติอิสลามภายในประเทศเมื่อปี 1979
รอยเตอร์รายงานวันนี้ (12 ธ.ค.) ว่า ข้อตกลงระหว่างบริษัท อิหร่านแอร์ (IranAir) และบริษัท โบอิ้ง ผู้ผลิตเครื่องบินสัญชาติสหรัฐฯ รายใหญ่ที่สุดของโลกนั้นรวมไปถึงเครื่องบินโดยสารรุ่น 737 MAX ที่มีขนาดลำตัวเครื่องแคบเป็นพิเศษจำนวน 50 ลำ และเครื่องบินบรรทุกระยะไกลโมเดล 777 จำนวนอีก 30 ลำ โดยภายใต้โมเดลนี้ อิหร่านได้เจาะจงขอสั่งซื้อรุ่น 777-300ER จำนวน 35 ลำที่มีความต้องการมากเป็นพิเศษ และอีก 35 ลำสำหรับรุ่น 777-9 ที่มีขนาด 406 ที่นั่ง และอยู่ในระหว่างการพัฒนา
แหล่งข่าวเจ้าหน้าที่อิหร่านยังเปิดเผยกับรอยเตอร์ต่อว่า นอกจากนี้อิหร่านแอร์ยัง ***อยู่ในช่วงเฟสสุดท้าย*** ของการบรรลุข้อตกลงกับบริษัทผู้ผลิตเครื่องบินสัญชาติยุโรป “แอร์บัส” สำหรับคำสั่งซื้อเครื่องบินจำนวน 118 ลำ หลังจากที่อิหร่านถูกปลดล็อกจากการถูกคว่ำบาตรจากโลกตะวันตกเมื่อเดือนมกราคมต้นปีนี้
รอยเตอร์รายงานต่อว่า ข้อตกลงระหว่างเตหะรานและแอร์บัสนั้นรวมไปถึง ล็อตการผลิตแรกสำหรับเครื่องบินราว 50-60 ลำนั้นสมควรที่จะเสร็จสมบูรณ์ภายในอีก 2 วันข้างหน้า แหล่งข่าวเตหะรานให้ข้อมูล และพบว่านอกจากนี้ อิหร่านยังใกล้ได้ข้อยุติการยกเครื่อง ฝูงเครื่องบินอิหร่านใหม่ทั้งหมด โดยบริษัท ATR ซึ่งเป็นผู้ผลิตเครื่องยนต์เทอร์โบเอนจินอากาศยานรายใหญ่ของโลก ออกแถลงการณ์ว่า ทางบริษัทได้รับอนุญาตจากวอชิงตันสำหรับการบรรลุข้อตกลงในเฟสสุดท้ายสำหรับเครื่องบินจำนวนมากถึง 40 ลำ
ดีลข้อตกลงระหว่างเตหะรานและโบอิ้งที่เกิดขึ้นในวันอาทิตย์ (11 ธ.ค.) รอยเตอร์ระบุว่า ถือเป็นดีลที่ใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่การล่มสลายของพระเจ้าชาห์ อิหร่าน อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่า ทางอิหร่านยังคงต้องมีอุปสรรคอย่างต่อเนื่องเมื่อพบว่า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯสายพรรครีพับลิกันพยายามจะล้มสนธิสัญญานิวเคลียร์อิหร่านซึ่งเกิดขึ้นในปี 2015 และในเดือนพฤศจิกายนล่าสุด สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ได้ผ่านร่างกฎหมายการเงินสำคัญที่มีจุดประสงค์เพื่อจำกัดการทำธุรกรรมการเงินระหว่างสหรัฐฯและอิหร่าน แต่เสริมว่าเม็ดเงินที่มาจากข้อตกลงนี้จะไม่ผ่านเข้ามาในระบบการเงินสหรัฐฯ
โดยแหล่งข่าวด้านการเงินได้เปิดเผยกับรอยเตอร์ว่า ทางโบอิ้งได้มีแผนการด้านการเงินสำหรับคำสั่งซื้อเครื่องบินโดยสารรุ่น 777-300ER จำนวน 15 ลำแล้ว คาดว่าจะมีการส่งมอบเกิดขึ้นได้ตั้งแต่ปี 2018 เป็นต้นไป แต่ทว่าความช่วยเหลือด้านการเงินสำหรับคำสั่งซื้อที่เหลือทั้งหมด ยังคงอยู่ในการเจรจาหารือ
รอยเตอร์ชี้ว่า การเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นในวันอาทิตย์ (11 ธ.ค.) อาจถูกใช้เป็นเครื่องวัดระดับความสัมพันธ์ระหว่างผู้ส่งออกรายใหญ่อเมริกาและว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ เกิดขึ้นไม่กี่วันหลังเจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์อเมริกันออกมาบ่นเสียงดังถึงราคาที่ทางบริษัทโบบิ้งเสนอสำหรับเครื่องบินแอร์ฟอร์ซวัน เครื่องบินประจำตำแหน่งของผู้นำสหรัฐฯ โดยทรัมป์อ้างว่า เป็นราคาที่สูงจนเกินไป
และเป็นเพราะข้อตกลงนั้นมีระยะเวลานานถึง 10 ปี ทำให้เชื่อว่าใบอนุญาตขอส่งออกของสหรัฐฯบางส่วนอาจต้องขอต่ออายุในช่วงสมัยของว่าที่ประธานาธิบดีทรัมป์ ซึ่งมีจุดยืนไม่เห็นด้วยกับข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน ผลงานชิ้นโบแดงของประธานาธิบดีสหรัฐฯ บารัค โอบามา
โบอิ้งได้ออกแถลงการณ์ระบุว่า ข้อตกลงกับเตหะรานที่เกิดขึ้นจะช่วยสนับสนุนตำแหน่งงานจำนวนหลายหมื่นตำแหน่งในอเมริกาให้ยังคงมีงานทำสำหรับเครื่องบินรุ่น 777-300ER และตำแหน่งงานเกือบ 100,000 ตำแหน่งในสายอากาศยานสำหรับภาพรวมทั้งหมด
รอยเตอร์รายงานต่อว่า เชื่อว่าเครื่องบินแอร์บัสคาดว่าจะถูกส่งมาถึงอิหร่านได้ในปี 2017 ในขณะที่การเลือกตั้งประธานาธิบดีของอิหร่านจะเกิดขึ้นในเดือนพฤษภาคที่จะถึงนี้
