รอยเตอร์/เอเจนซีส์ - รัสเซียออกมาแถลงในวันอังคาร (29 พ.ย.) อย่างชนิดตรงกันข้ามกับฝ่ายตะวันตก ระบุ การที่กองทัพซีเรียสามารถผ่าทางตันตีคืนพื้นที่จำนวนมากในซีกตะวันออกของเมืองอะเลปโป ที่เคยอยู่ในความยึดครองของพวกกบฏ ได้ทำให้สถานการณ์ภาคพื้นดินเปลี่ยนแปลงไปอย่างน่าตื่นใจ โดยทำให้พลเรือนกว่า 80,000 คนได้รับความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม ภายหลังถูกฝ่ายกบฏใช้เป็น “โล่มนุษย์” มาหลายปี
มอสโกเวลานี้ช่วยเหลือพวกกองกำลังอาวุธที่ภักดีต่อประธานาธิบดี บาชาร์ อัล-อัสซาด ซึ่งกำลังพยายามบุกเข้ายึดคืนเมืองใหญ่อันดับหนึ่งของซีเรีย แต่ตกอยู่ในสภาพถูกกองกำลังฝ่ายต่างๆ แย่งยึดแบ่งกันเป็นเสี่ยงๆ มาหลายปีแห่งนี้ ทั้งนี้ รัสเซียให้ความช่วยเหลือทั้งด้านการฝึกอบรม, ให้อาวุธยุทโธปกรณ์ และคำแนะนำปรึกษา ตลอดจนให้ความสนับสนุนทางอากาศอยู่เป็นระยะๆ ด้วย
ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา กองทัพซีเรีย และกองกำลังพันธมิตร สามารถตีตัดแบ่งซีกตะวันออกอะเลปโปออกเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนเหนือ และส่วนใต้ ต่อมาในวันจันทร์ (28) พวกเขาระบุว่ายึดคืนส่วนเหนือมาได้ทั้งหมดแล้ว
“ระหว่างเวลา 24 ชั่วโมงที่แล้ว ต้องขอขอบคุณการเตรียมการอย่างดีมาก และการปฏิบัติการอย่างระมัดระวัง กองทหารซีเรียสามารถเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ได้อย่างมากมายเหลือเกิน” พล.ต.อีกอร์ โคนาเชนคอฟ ซึ่งทำหน้าที่เป็นโฆษกผู้หนึ่งให้แก่กระทรวงกลาโหมรัสเซีย ระบุในคำแถลง
“ในทางปฏิบัติแล้ว ครึ่งหนึ่งของดินแดนซึ่งเคยถูกพวกกบฏยึดครองเอาไว้ในระยะไม่กี่ปีที่ผ่านมาในซีกตะวันออกของเมืองอะเลปโป ได้รับการปลดปล่อยอย่างสมบูรณ์แล้ว”
การรุกคืบของกองกำลังฝ่ายรัฐบาลเช่นนี้ กำลังทำให้ฝ่ายตะวันตกแสดงความวิตกกังวลเกี่ยวกับชะตากรรมของประชากรพลเมืองของเมืองอะเลปโป ซึ่งติดค้างอยู่ท่ามกลางไฟสงคราม
ฝรั่งเศสถึงกับออกมาเรียกร้องให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ เปิดประชุมเพื่อพยายามยุติความเป็นศัตรูกันที่นั่น ขณะที่พวกนักการเมือง และเจ้าหน้าที่ทั้งในอังกฤษ, เยอรมนี และสหรัฐฯ ล้วนแต่ออกมาพูดแสดงความห่วงใยว่าพลเรือนที่เมืองอะเลปโปกำลังถูกสังหารเข่นฆ่า
อย่างไรก็ดี โคนาเชนคอฟเรียกข้อกล่าวหาที่ว่ามีการสูญเสียอย่างมากมายของพลเรือนในระหว่างการเปิดการรุกของรัฐบาลซีเรีย ว่า เป็นการพูดจาแบบพวกตื่นตูมระแวงเกินเหตุ และกล่าวด้วยว่า รัสเซียรู้สึกช็อกจาก “ความมืดบอด” ของฝ่ายตะวันตก ในเวลาประเมินสถานการณ์อันแท้จริงซึ่งเกิดขึ้นในพื้นที่
เขากล่าวว่า พลเรือนมากกว่า 80,000 คน ซึ่งในจำนวนนี้เป็นเด็กๆ หลายหมื่นคน เวลานี้สามารถเข้าถึงความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมจากรัสเซียแล้ว ความช่วยเหลือดังกล่าวอยู่ในรูปของน้ำ, อาหาร และความช่วยเหลือทางการเมือง ซึ่งนี่เป็นผลจากการที่สามารถผ่าทางตันทางการทหารได้สำเร็จ
“ชาวซีเรียเหล่านี้เคยถูกใช้เป็นโล่มนุษย์มาเป็นเวลานานปีในอะเลปโป โดยพวกผู้ก่อการร้ายสังกัดกลุ่มต่างๆ ทั้งหลาย” โคนาเชนคอฟ กล่าว
ขณะเดียวกัน ประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน ก็ออกคำสั่งให้กระทรวงกลาโหม และกระทรวงสถานการณ์ฉุกเฉินของรัสเซีย เร่งนำโรงพยาบาลสนามแบบเคลื่อนที่ ไปติดตั้งในอะเลปโปเพื่อช่วยเหลือพลเรือนที่ได้รับบาดเจ็บ
ทางด้านศูนย์เฝ้าติดตามการหยุดยิงของรัสเซีย ก็แถลงว่า มีพวกกบฏ 507 คน ยอมวางอาวุธในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา พร้อมบอกด้วยว่า พวกกบฏจำนวน 484 คน ซึ่งเป็นชาวบ้านท้องถิ่นได้รับการอภัยโทษในทันที ซึ่งเป็นไปตามคำสั่งก่อนหน้านี้ของประธานาธิบดี อัสซาด