xs
xsm
sm
md
lg

InClip: ทรัมป์บ้าเลือด ทวีตอ้าง!!ลงคะแนนเถื่อนนับล้านใน 3 รัฐใหญ่ให้ฮิลลารี แต่มือเปล่าไร้ใบเสร็จประกอบ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เอเอฟพี/เอเจนซีส์/MGRออนไลน์ - วิบากกรรมยังมีต่อเนื่อง ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ออกมาอาละวาดผ่านทางทวิตเตอร์ตั้งแต่ค่ำวันอาทิตย์( (27 พ.ย) ต่อไปจนถึงวันนี้(28 พ.ย) ในเวลา 7.31 น. อ้างแบบไร้หลักฐานประกอบ ชี้มีการลงคะแนนแบบผิดกฎหมายใน 3 รัฐใหญ่ ได้แก่ รัฐนิวแฮมป์เชียร์ รัฐเวอร์จิเนีย และรัฐแคลิฟอร์เนีย แต่สื่อสหรัฐฯปิดตาไม่ยอมตรวจสอบ แถมยืนกราน “ชนะอิเลกทรอรัลโหวด” แบบแลนด์สไลด์เห็นๆ เชื่อชนะคะแนนป็อปปูลาร์โหวต หากตัดเสียงโกงหลายล้านออกไป

เอเอฟพีรายงานวันนี้(28 พ.ย)ว่า หนทางไปสู่ทำเนียบขาวของทรัมป์ที่เคยดูแจ่มใจกลับดูตีบตันไปชั่วขณะหลังจาก เจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์อเมริกันจากพรรครีพับลิกันพบว่า คะแนนป็อปปูลาร์โหวตของตัวเองนั้นต้องพ่ายแก่คู่แข่งจากพรรคเดโมแครต ฮิลลารี คลินตัน โดยคลินตันได้ไป 2.2 ล้านเสียง

และสถานการณ์ยิ่งพลิกผันเมื่อตัวแทนจากพรรคกรีนสหรัฐฯ จิล สไตน์(Jill Stein) ออกมาเรียกร้องให้มีการนับผลคะแนนรวมในรัฐคีย์สเตทใหม่อีกรอบ และยิ่งทำให้ว่าที่ประธานาธิบดี ทรัมป์ หงุดหงิดม่ากขึ้นเมื่อทีมเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯของคลินตันได้ออกมายืนยันการสนับสนุนการขอนับคะแนนเสียงใหม่ในรัฐวิสคอนซิน

เอเอฟพีรายงานว่า ในแถลงการณ์ล่าสุด ทั้งทรัมป์และผู้ช่วยต่างออกมาต่อต้านต่อเสียงเรียกร้องการนับคะแนนผลรวมใหม่ โดยในช่วงค่ำวันอาทิตย์(27 พ.ย) ซึ่งยังคงเป็นสุดสัปดาห์แห่งวันขอบคุณพระเจ้า เจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์อเมริกันได้ระบายความอึดอัดใจด้วยการทวีตถึง 6 ข้อความติดต่อกันในเรื่องการยอมรับในผลการตัดสินเลือกตั้งที่ออกมาไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น

โดยทรัมป์เริ่มต้นการทวีตตั้งแต่เวลา 19.55 น.ของเมื่อวานนี้(27 พ.ย) จากการรายงานของสื่อสหรัฐฯ NBC NEWS ว่า “คำตอบของฮิลลารีในช่วงดีเบตว่าถึงความล่าช้านั้น โดยเธอกว่าว่า “มันช่างน่าสะพรึงกลัว นี่ไม่ใช่ระบบประชาธิปไตยของพวกเราที่เคยปฎิบัติมา ซึ่งยืนยาวนานมาร่วม 240 ปี พวกเรามีการเลือกตั้งที่เป็นอิสระ...”

และในข้อความทวีตที่ 2 ทรัมป์ได้ยกคำพูดของฮิลลารีต่อว่า “และเธอกล่าวต่อว่า “และยุติธรรมมาโดยตลอด พวกเราต่างยอมรับในผลก่ารเลือกตั้งที่ออกมา..ไม่ว่าพวกเราจะยินดีต่อมันหรือไม่ และสิ่งนี้ถือเป็นมาตรฐานที่จะได้เห็นจากผู้ลงชิงตำแหน่งการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ”

เจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์อเมริกันยังทวีตข้อความที่ 3 ในเวลา 20.08 น.ว่า “และดิฉัน จากสิ่งหนึ่ง จะรู้สึกไม่พอใจมากหากว่ามีตัวแทนจากพรรคการเมืองใหญ่ 2 พรรคของประเทศของเรา จะเลือกที่จะกระทำ”

ส่วนข้อความที่ 4 ทรัมป์กล่าวถึงคำพูดคลินตันอีกว่า “และในอีกข้อคววามที่ไม่ต่อเนื่อง ฮิลลารี คลินตัยได้กล่าวว่า “ชายผู้นี้ได้กล่าวในสิ่งที่ดูน่ากลัว...เขาประกาศที่จะไม่ยอมรับในผลการตัดสินของ..”

และในข้อความที่ 5 ทรัมป์ทวีตต่อว่า “การเลือกตั้ง ซึ่งนี่ถือเป็นภัยโดยตรงต่อระบบประชาธิปไตยของพวกเรา” และเธอกล่าวต่ออีกว่า “พวกเราต้องยอมรับในผลการเลือกตั้งที่ได้เกิดขึ้นแล้ว และมองออกไปข้างหน้า ซึ่งโดนัลด์..”

ส่วนข้อความที่ 6 ซึ่งเป็นทวิตเตอร์สุดท้ายของวันก่อนที่เจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์อเมริกันจะตื่นในเวลาตี 3 ของวันจันทร์(28 พ.ย)ทวีตต่อนั้น ทรัมป์ได้ปักหมุดถึงจุดยืนในเรื่องการยอมรับผลการเลือกตั้งสหรัฐฯของคลินตันว่า “..ทรัมป์ จะกลายเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯของพวกเราทุกคน พวกเราเป็นหนี้เขาในความเป็นคนเปิดกว้าง และโอกาสในการที่จะนำพาประเทศ” และทรัมป์ยังได้แสดงความเห็นในทวีตเตอร์ชิ้นนี้ว่า “เงินและเวลาที่ต้องเสียไป แต่ผลนั้นเหมือนเดิม น่าเศร้า!!”

ซึ่งในทวีตข้อความสุดท้าย ทรัมป์อาจจะต้องการโยงไปถึงการที่ต้องออกมานับผลคะแนนรวมใหม่ ที่คาดว่าอาจจะเกิดขึ้นในอย่างน้อย 3 รัฐนั้นเสียทั้งเงินและเวลา แต่ผลการเลือกตั้งออกมาเหมือนเดิม

เอเอฟพีรายงานเพิ่มเติมว่า และในข้อความชุดใหม่ไม่นานหลังจากนั้น ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ได้อ้างว่า เขาอาจจะชนะการเลือกตั้งสหรัฐฯในส่วนของผลการเลือกตั้งป็อปปูลาร์โหวต หรือจำนวนเสียงประชาชนชาวอเมริกันที่ได้หย่อนบัตรเลือกผู้นำสหรัฐฯ เขาชนะอย่างแน่นอนหากว่า “สามารถนำคะแนนเสียงนับล้านที่โหวตลงคะแนนแบบผิดกฏหมายออกไป”

โดยการประกาศอ้างแบบไร้ใบเสร็จเป็นหลักฐานแนบประกอบของทรัมป์ในครั้งนี้เริ่มต้นอีกครั้งตั้งแต่เวลา 3.30 น. หรือที่รู้จักในเวลาราว ตี 3 ครึ่งของวันจันทร์(28 พ.ย) NBC NEWS ชี้ว่า ทรัมป์ได้เริ่มต้นประกาศ โดยกล่าวต่อว่า “ในการที่จะสามารถชนะการเลือกตั้งอิเลกทรอรัลโหวตแบบถล่มทะลายนั้น ผมได้ชนะในส่วนของคะแนนป็อปปูลาร์โหวต หากว่าสามารถนำคะแนนเสียงนับล้านที่โหวตแบบผิดกฎหมายออกไปได้”

และข้อความที่ 2 ของทรัมป์เกิดขึ่นในเวลา 7.31 น. มีใจความต่อเนื่องว่า “มีผู้มีสิทธิ์ออกเสียงผิดกฎหมายจำนวนมากในรัฐเวอร์จิเนีย รัฐนิวป์แฮมเชียร์ และรัฐแคลิฟอร์เนีย แต่ทำไมไม่เห็นพวกสื่อสหรัฐฯรายงานเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ ลำเอียงอย่างแท้จริง และนั่นเป็นปัญหา!!”

เอเอฟพีชี้ว่า ทั้งทรัมป์และผู้ช่วยไม่ได้แสดงหลักฐานเพื่อรอวงรับคำประกาศอ้างในเรื่องการโกงลงคะแนนเสียงเลื้อกตั้งในหลายรัฐทั่วอเมริกา และอีกทั้งทรัมป์ไม่ได้ออกมาอธิบายด้วยตัวเองเพิ่มเติมว่า เหตุใดตัวเขาจึงเลือกที่จะต่อต้านการนับผลคะแนนรวมในรัฐวิสคอนซินใหม่..หากว่าการโกงการเลือกตั้งเป็นปัญหาร้ายแรงอย่างที่เขากล่าวอ้างจริง

ในขณะที่ NBCNEW ได้แสดงความเห็นเพิ่มเติมในเรื่องนี้ว่า ยังคงไม่เป็นที่แน่ชัดว่าในช่วงคืนวันอาทิตย์(28 พ.ย)นั้นว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯมีที่มาในการแสดงความคิดเห็นเหล่านี้จากที่ใด หรือเหตุใดจึงต้องรอให้การเรียกร้องของสไตน์ในเรื่องการยื่นขอนับผลคะแนนรวมใหม่เป็นปัญหาใหญ่

อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญการเลือกตั้งสหรัฐฯส่วนใหญ่ได้ให้ความเห็นกับสื่อเอเอฟพีว่า เกือบที่จะไม่มีความเป็นไปได้ที่จะเห็นผลการเลือกตั้งสหรัฐฯถูกพลิก เนื่องมาจากว่าคลินตัน คู่แข่งตามหลังทรัมป์ในเกือบทุกรัฐโดยมีคะแนนห่างไม่กี่แสนเสียง

นอกจากนี้ยังพบว่า ทรัมป์ชนะในรัฐมิชิแกน รัฐเพนซิลเวเนีย และรัฐวิสคอนซิน ด้วยตัวเลขคะแนนรวมไม่ต่ำกว่า 100,000 เสียง ที่ถึงแม้ว่าเขาจะมีคะแนนชนะอิเลกทรอรัลโหวตเกินไปกว่าขั้นต่ำ 270เสียงในการเอาชนะฮิลลารี คลินตันก็ตาม

ทั้งนี้พรรครีพับลิกันต่างยืนกรานมานานแล้วว่า คนเข้าเมืองผิดกฎหมายอเมริกาสวมสิทธิ์ลงคะแนนผิดกฎหมายในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดยสื่อการเมืองสหรัฐฯ โพลิติแฟกต์( politifact) รายงานล่าสุดในวันที่ 18 พ.ย อ้างถึงการขึ้นหัวข่าวของ อินโฟวอร์ส (InfoWars) สื่อปีกขวาจัดเต็มไปด้วยทฟษฎีสมรู้ร่วมคิดของอเล็กซ์ โจน์ส( Alex Jones)ระบุว่า "3 ล้านเสียงลงคะแนนในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯปีนี้มาจากพวกต่างด้าวเข้าเมืองผิดกฎหมาย"

และความเชื่อเรื่องการที่คนต่างด้าวเข้าอเมริกา (ที่อาจได้รับการสนับสนุนทางอ้อมจากพรรคเดโมแครตที่มีฐานเสียงเป็นชนกลุ่มน้อยในอเมริกา และยังมีนโยบายเข้าเมืองอเมริกา กฎหมายดรีมแอ็ก ให้สิทธิความเป็นผู้มีสิทธิ์อาศัยในอเมริกาถูกต้องแก่คนเข้าเมืองผิดกฎหมายที่เดินทางเข้าอเมริกามาแต่อายุน้อย และเติบดตในสภาพแวดล้อมอเมริกา )มีอิทธิพลต่อการเมืองอเมริกา โดยเฉพาะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ดูเหมือนจะฝังหัวทางฝั่่งพรรครีพับลิกันที่อาจย้อนไปล่าสุดตั้งแต่ยุค มิตต์ รอมนีย์ เ้ป็นตัวแทนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ปี 2012

โดยจากการรายงานของหนังสือพิมพ์สหรัฐฯ วอชิงตันโพสต์ ในวันที่ 24 ต.ค ล่าสุด ผลการสำรวจของโพลฟิชระบุว่า มีผู้สนับสนุนพรรครีพับลิกันถึง 60% ที่เชื่อว่า ต่างด้าวเข้าเมืองผิดกฎหมายใช้สิทธิ์การเลือกตั้ง และอีก43% เชื่อว่ามีการสวมสิทธิ์คนตายเกิดขึ้น

และเป็นที่น่าตกใจเมื่อพบว่า ความคิดเรื่องอาจการมีการโกงเลือกตั้งเกิดขึ้นในโลกเสรีเช่น อเมริกา โดยวอชิงตันโพสต์ ในขณะนั้นชี้ว่า ผู้สนับสนุนพรรครีพับลิกันถึง 84% เชื่อว่า มีการโกงเลือกตั้งเกิดขึ้นในการเลือกตั้งอเมริกา ในขณะที่ฝ่ายออกเสียงอิสระถึง 75% เชื่อว่ามีการโกงเช่นเดียวกัน และในตัวเลข 52% ของผู้สนับสนุนจากพรรคเดโมแครตเชื่อว่า อาจมีการโกงในการเลือกตั้งสหรัฐฯ ที่ทางวอชิงตันโพสต์ระบุว่า ที่ผ่านมายังไม่มีประเด็นการตรวจพบการโกงแบบโจ่งแจ้งเกิดขึ้นก็ตาม

ซึ่งในการสำรวจความคิดเห็นของโพลฟิชออกมาในช่วงที่ทรัมป์ ได้ออกมาประกาศว่า กระบวนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯมีปัญหา และเรียกร้องให้ผู้สนับสนุนของเขาออกไปเฝ้าและจับตาการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เพื่อทำให้มั่นใจว่าจะมีความโปร่งใสทุกขั้นตอน แต่สื่อวอชิงตันโพสต์รายงานว่า แถลงการณ์เรียกร้องครั้งนี้ถูกตีความไปได้ว่า เป็นความพยายามในการข่มขู่ผู้มีสิทธิ์ชนกลุ่มน้อย ได้แก่ ผิวสี ผิวน้ำตาล และเอชียในอเมริกาแทน






กำลังโหลดความคิดเห็น