เอเจนซีส์ - รายงานล่าสุดเปิดเผยเบื้องลึกยานลำเลียงรบหุ้มเกราะ ICV (Terrex Infantry Carrier Vehicles) 9 คันของกองทัพสิงคโปร์ถูกยึด เหตุเพราะตำรวจปักกิ่งแจ้งฮ่องกงมีเรือคาร์โกขนยุทโธปกรณ์ทางทหารต้องสงสัยที่ไม่มีใบอนุญาตรับรองออกจากไต้หวันผ่านเข้ามาเทียบท่าในฮ่องกง หลังแวะจอดในเมืองเซี่ยเหมิน (Xiamen) มณฑลฝูเจี้ยนของจีน ระหว่างทาง ด้านผู้เชี่ยวชาญต่างชี้ปักกิ่งอาจต้องการทำให้สิงคโปร์ขายหน้า “ไม่อดทนต่อการเห็นต่างชาติมีความสัมพันธ์ข้องเกี่ยวกับไต้หวัน” ในขณะที่แหล่งข่าวสิงคโปร์ยอมรับ ไม่ง่ายที่จะได้รับกลับคืน รัฐบาลสิงคโปร์ถูกโยกไปติดต่อกับกระทรวงต่างประเทศจีนแทน
เซาท์ไชน่ามอร์นิงโพสต์ สื่อจีน รายงานวันนี้ (27 พ.ย.) ถึงความคืบหน้าในคดีการยึดยานลำเลียงรบหุ้มเกราะ ICV (Terrex Infantry Carrier Vehicles) 9 คันพร้อมกับยุทโธปกรณ์ทางการทหารอื่นๆ ของกองทัพสิงคโปร์ถูกยึดในวันพุธ (23) หลังจากที่สำนักงานศุลกากรฮ่องกงท่าเรือไควชุง (Kwai Chung)ของได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบตู้คาร์โก 12 ตู้ที่ถูกส่งมาจากไต้หวัน โดยในวันศุกร์ (25) เอเอฟพีรายงานอ้างว่า เป็นการสุมตรวจค้นตามปกติของทางศุลกากรฮ่องกง แต่ล่าสุด เซาท์ไชน่ามอร์นิงโพสต์ชี้ว่า แหล่งข่าวเจ้าหน้าที่ตำรวจจีนแผ่นดินใหญ่เป็นผู้ชี้เบาะแสให้สำนักงานศุลกากรฮ่องกงเข้ายึด
โดยพบว่าหลังจากที่เรือคาร์โกซึ่งบรรทุกยานลำเลียงรบหุ้มเกราะ ICV และยุทโธปกรณ์ต่างๆของสิงคโปร์ออกมาจากใต้หวันแล้ว เรือสินค้าลำนี้ได้แวะจอดทอดสมรที่เมืองเซี่ยเหมิน (Xiamen) มณฑลฝูเจี้ยน ของจีน ในระหว่างทางก่อนที่จะเดินทางต่อมายังฮ่องกง ซึ่งเป็นที่สำนักข่าว FactWire news รายงานในวันเสาร์ (26) ระบุว่า เป็นจุดที่ค้นพบยุทโธปกรณ์ทางทหารเหล่านี้
โดย FactWire newsได้รายงานโดยอ้างคำให้สัมภาษณ์ของแหล่งข่าวศุลการกรฮ่องกงชี้ว่า ก่อนที่เรือสินค้าจะเดินทางมาถึง ตำรวจจีนแผ่นดินใหญ่ได้ติดต่อเข้ามายังตำรวจฮ่องกงเพื่อแจ้งถึงเรือสินค้าที่บรรทุกอาวุธทางทหารที่น่าสงสัยและไม่มีใบสำแดงอย่างถูกต้อง และเมื่อเรือลำนี้ได้เดินทางมาถึงท่าเรือฮ่องกงแล้ว ทางเจ้าหน้าที่ศุลกากรได้ทำการตรวจค้นเรือคาร์โกนี้อย่างละเอียดและยึดยานลำเลียงรบหุ้มเกราะทั้ง 9 ลำ และยุทโธปกรณ์ทางทหารอื่นๆทั้งหมด
เซาท์ไชน่ามอร์นิงโพสต์รายงานต่อว่า เหตุการณ์นี้สร้างความปวดหัวให้กับรัฐบาลสิงคโปร์เป็นอย่างมาก และพยายามเร่งติดตามเพื่อนำยุทโธปกรณ์ของกองทัพทั้งหมดกลับประเทศ โดยตัวแทนของสิงคโปร์ได้เดินทางมาถึงฮ่องกงในคืนวันศุกร์ (25) เพื่อพยายามเร่งกระบวนการในการยกเลิกการอายัด และจำกัดความเสียหายทางการทูตที่เกิดขึ้น
แต่ทว่าแหล่งข่าวเปิดเผยว่า สิงคโปร์ต้องติดต่อกระทรวงการต่างประเทศของจีนโดยตรงเพื่อนำยานลำเลียงรบหุ้มเกราะทั้งหมดที่ถูกยึดไว้กลับคืน พร้อมกับชี้ว่า ได้มีการรายงานการค้นพบยุทโธปกรณ์เหล่านี้ให้กับปักกิ่งรับทราบแล้ว และดังนั้นการตัดสินใจในการส่งคืนนั้นไม่ได้อยู่ในมือรัฐบาลฮ่องกงอีกต่อไป
โดยเมื่อวานนี้ (26) กระทรวงกลาโหมสิงคโปร์ได้ออกแถลงการณ์ว่า ยานลำเลียงรบหุ้มเกราะทั้งหมดถูกเคลื่อนย้ายโดยตู้คอนเทนเนอร์ที่มีความปลอดภัยสูง ที่ได้ถูกเปิดออกโดยเจ้าหน้าที่ศุลกากรฮ่องกงสำหรับการตรวจค้น และได้ถูกนำกลับไปเก็บไว้ภายในคาร์โกเหล่านี้ตามเดิม
ด้านผู้เชี่ยวชาญเปิดเผยว่า ปัญหาการยึดยานลำเลียงรบหุ้มเกราะของกองทัพสิงคโปร์นี้อาจเป็นหนึ่งในสัญญาณที่ทางปักกิ่งส่งออกมา ในการที่ไม่ต้องการเห็นต่างชาติมีความสัมพันธ์ทางการทหารกับไต้หวัน ซึ่งถูกจีนมองเป็นเสมือนส่วนหนึ่งของปักกิ่ง
โดย ลี ชีห์-ฮอง (Lee Chih-hong) นักวิจัยประจำสถาบันลองกัสสำหรับยุทธวิธีและการพัฒนา( Longus Institute for Development and Strategy) ของฮ่องกงได้ให้ความเห็นในเรื่องนี้ว่า *** “จีนอาจจงใจให้มีการยึดเกิดขึ้นในฮ่องกงเพื่อตั้งใจฉีกหน้ารัฐบาลสิงคโปร์ ในขณะที่พยายามทำให้ความเสียหายต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศนั้นลดลง นี่ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ปักกิ่งต้องการที่จะทำให้สิงคโปร์ได้รับความอับอาย แต่ปักกิ่งยังคงไม่ต้องการให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดต่อความสัมพันธ์ระดับทวิภาคีของทั้งสองชาติ ดังนั้นจึงเลือกปล่อยให้ฮ่องกงเป็นผู้จัดการแทน”*** ลีให้ความเห็น และกล่าวต่อว่า “บางทีปักกิ่งอาจจะต้องการเพิ่มความกดดันให้กับสิงคโปร์ในจุดยืนเรื่องทะเลจีนใต้”
เซาท์ไชน่ามอร์นิงโพสต์รายงานเพิ่มเติมว่า และหากเหตุการณ์ในวันพุธ (27) นั้นมีปักกิ่งอยู่เบื้องหลังจริง อาจจะกล่าวได้ว่าเป็นการวางแผนจากปักกิ่งในความพยายามที่ต้องการทำให้ความสัมพันธ์ทางการทหารระหว่างไต้หวันและสิงคโปร์เกิดความร้าวฉาวอย่างรุนแรง ซึ่งแดนลอดช่องนั้น สื่อจีนชี้ว่า ถูกปักกิ่งมองเป็นเสมือนศัตรูมากขึ้นจากจุดยืนในการที่ประเทศเกาะเล็กๆ นี้ปฏิเสธไม่ยอมอยู่ใต้อิทธิพลของจีนอย่างเต็มตัว
ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญทางด้านการทหารออกมาระบุว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือเป็นดัชนีชี้วัดถึงความมั่นใจที่เพิ่มมากขึ้นของปักกิ่ง ในการส่งสัญญาณความพร้อมการเผชิญหน้าทางการทหารออกมา ต่อพันธมิตรทางความมั่นคงที่ปักกิ่งไม่สบอารมณ์ และโดยเฉพาะในสถานการณ์ที่รัฐบาลสหรัฐฯ ชุดใหม่ของโดนัลด์ ทรัมป์ได้ส่งสัญญาณออกมาว่าสหรัฐฯ จะเริ่มถอยห่างจากภูมิภาคนี้
โดย หนี ลีเซียง (Ni Lexiong) ผู้เชี่ยวชาญด้านการทหารที่มีฐานอยู่ในเซียงไฮ้ ได้ให้ความเห็นกับสื่อเซาท์ไชน่ามอร์นิงโพสต์ว่า “ถือเป็นปกติที่สิงคโปร์และไต้หวันมีการแลกเปลี่ยนซ้อมรบประจำปีมานานหลายปี และยังไม่มีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นล่าสุดถูกพบในอดีตก่อนหน้านี้”
และเสริมต่อว่า “และดังนั้นในครั้งนี้จึงเป็นการยากที่จะไม่คิดไปว่า มีการวางแผนทางยุทธศาสตร์มาก่อนหน้านี้” หนีให้ความเห็นโยงไปถึงการเข้ารับตำแหน่งใหม่ของว่าที่ประธานาธิบดี ทรัมป์ว่า ***“ถือเป็นช่วงเวลาที่อ่อนไหวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เมื่อรัฐบาลสหรัฐฯภายใต้การบริหารของประธานาธิบดีบารัค โอบามาจะต้องหมดสมัยลง และรัฐบาลสหรัฐฯชุดใหม่ที่ยังไม่ได้อยู่ในอำนาจ ถือเป็นช่องว่างทางอำนาจในระหว่างนี้” ***
หนี ผู้เชี่ยวชาญด้านการทหารยังให้ความเห็นอีกว่า ***“ในขณะนี้ปักกิ่งว่างสำหรับการจัดการต่อยานลำเลียงรบหุ้มเกราะของกองทัพสิงคโปร์อย่างที่ทางปักกิ่งต้องการ…ไม่ว่าจะเป็นตัวเลือกที่จะส่งกลับคืน หรือเลือกที่จะยึดไว้ หรือแม้แต่เลือกที่จะลงโทษสิงคโปร์หรือไต้หวันก็ตาม” ***ซึ่งเจ้าหน้าที่การทูตและการทหารประจำในฮ่องกงล้วนเป็นคนของปักกิ่ง
เซาท์ไชน่ามอร์นิงโพสต์รายงานต่อว่า เชื่อว่ายานลำเลียงรบหุ้มเกราะที่ถูกยึดนี้เข้าร่วมในโครงการซ้อมรบร่วม “สตาร์ไลต์”( Project Starlight)ที่ถูกริเริ่มโดยอดีตนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ ลี กวน ยู และอดีตผู้ก่อตั้งไต้หวัน เจียง ไคเช็ก ในปี 1974 ออกแบบสำหรับการฝึกฝนทหารสิงคโปร์ในต่างแดน เนื่องมาจากปัญหาพื้นที่จำกัดของสิงคโปร์ โดยในขณะนั้นจีนแผ่นดินใหญ่ยังคงอ่อนแอ และไต้หวันยังไม่ประกาศยกเลิกอย่างเป็นทางการในการกล่าวอ้างต่อจีนแผ่นดินใหญ่
และจากข้อมูลของผู้เชี่ยวชาญทางการทหารประจำเกาะมาเก๊า แอนโธนี หว่อง ดอง (Antony Wong Dong) ได้ระบุว่า ยานลำเลียงรบหุ้มเกราะสิงคโปร์เจ้าปัญหาคือ รุ่น Terrex AV-81 ซึ่งถือเป็นรุ่นทันสมัยที่สุดในกองทัพแดนลอดช่อง