เอเอฟพี - กองทัพอิรักที่ต่อสู้กับไอเอสทางด้านเหนือตัดเส้นทางเสบียงของกลุ่มก่อการร้ายจากโมซุลไปยังซีเรียเรียบร้อยแล้วเมื่อวันพุธ (23) เท่ากับว่า กลุ่มก่อการร้ายนี้ถูกปิดล้อมอยู่ในที่มั่นสำคัญแห่งสุดท้ายในอิรักโดยสิ้นเชิง
ที่ด้านตะวันตกของโมซุล อาบู มาห์ดี อัล-โมฮันดิส ผู้บัญชาการกำลังรบกึ่งทหารฮาเชด อัล-ชาอาบี (ป๊อปปูลาร์ โมบิไลเซชัน) เผยว่า สามารถปิดถนนทัล อฟาร์-ซินจาร์ ที่มุ่งหน้าสู่ซีเรียได้แล้ว
ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ความมั่นคงคนหนึ่งของเคิร์ด เผยว่า กองกำลังฮาเชดประสานงานกับกองกำลังต่อต้านกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) กลุ่มอื่นๆ ซึ่งรวมถึงนักรบของเคอร์ดิสถาน เวิร์กเกอร์ ปาร์ตี (พีเคเค) ในหมู่บ้านสามแห่งในบริเวณดังกล่าว
อย่างไรก็ดี ตัวเมืองทัล อาฟาร์ ที่อยู่ห่างจากโมซุลทางตะวันตกราว 50 เมตร ยังอยู่ภายใต้การควบคุมของไอเอส
ทั้งนี้ กองทัพอิรักเปิดการโจมตีใหญ่เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม เพื่อชิงคืนเมืองโมซุล ซึ่งเป็นเมืองใหญ่อันดับสองของประเทศ และเป็นที่ที่ อาบู บัคร์ อัล-บักดาดี ผู้นำสูงสุดของไอเอส ประกาศสถาปนารัฐอิสลามในปี 2014
กองกำลังของแบกแดดสามารถเข้าสู่โมซุลจากทางตะวันออก ขณะที่นักรบเพชเมอร์กาของเคิร์ด และกลุ่มอื่นๆ ปิดล้อมจากด้านเหนือและใต้ เหลือเพียงด้านตะวันตกเท่านั้นที่ยังเปิดอยู่
ความคืบหน้าล่าสุดนี้จะทำให้ไอเอสเคลื่อนย้ายนักรบและอาวุธระหว่างโมซุลกับเมืองร็อกเกาะห์ที่ถือเป็นเมืองหลวงในซีเรียของผู้ก่อการร้ายกลุ่มนี้ ได้ยากลำบากยิ่งขึ้น
กลุ่มพันธมิตรเคิร์ด-อาหรับ ที่สหรัฐฯ ให้การสนับสนุน เปิดฉากโจมตีร็อกเกาะห์เมื่อวันที่ 5 ที่ผ่านมา แต่ยังต้องใช้เวลาและความพยายามอีกมากก่อนจะเข้าถึงตัวเมือง
ในอิรัก กองกำลังของรัฐบาลที่ได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐฯ และพันธมิตรอื่นๆ สามารถชิงคืนพื้นที่กว้างขวาง หลังจากถูกไอเอสยึดครองมาเกือบสองปีครึ่ง
โมซุลคือที่มั่นสำคัญแห่งสุดท้ายในอิรักและไอเอสพยายามต้านทานเพื่อรักษาเมืองไว้มากกว่าที่อื่นๆ
คาดกันว่า ทัพอิรักจะพบการต้านทานที่ด้านตะวันออกของเมืองน้อยกว่าด้านตะวันตก กระนั้น หน่วยรบพิเศษของอิรักกำลังเผชิญสถานการณ์ที่ยากลำบากอย่างยิ่ง เนื่องจากไอเอสใช้วิธีเคลื่อนย้ายกำลังผ่านเครือข่ายอุโมงค์ใต้ดินอันซับซ้อน เพื่อซุ่มโจมตีกองกำลังอิรักด้วยมือปืนซุ่มยิง กับระเบิด และคาร์บอมบ์
ทางการแบกแดดไม่ได้เปิดเผยตัวเลขผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตนับจากเริ่มต้นปฏิบัติการชิงโมซุล ทว่า นักรบยอมรับว่า ประหลาดใจมากที่พบการต่อต้านแข็งขืนอย่างเหนียวแน่นจากไอเอส
กระนั้น พลโท อับเดลกานี อัล-อัสซาดี จากหน่วยรบพิเศษ เผยว่า สามารถเคลียร์พื้นที่ฝั่งตะวันออกได้มากกว่า 40% และเสริมว่า นักรบญิฮาดเริ่มอ่อนกำลังลง
วันอังคาร (22) กองกำลังพันธมิตรที่นำโดยสหรัฐฯ ที่ทำการโจมตีทางอากาศนับพันระลอกต่อเป้าหมายไอเอสในอิรักและซีเรียนับจากเดือนสิงหาคม 2014 เผยว่า ได้ทำลายสะพานสำคัญแห่งสุดท้ายในโมซุล
อนึ่ง การสู้รบอย่างหนักเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้พลเมืองไม่สามารถหนีไปยังแคมป์ที่ตั้งอยู่รอบโมซุลได้
สหประชาชาติ (ยูเอ็น) คาดว่า จะมีประชาชนราว 200,000 คน หนีจากบ้านเรือนในช่วง 2 - 3 สัปดาห์แรกของปฏิบัติการชิงโมซุล แต่ปรากฏว่า มีเพียง 1 ใน 3 ของจำนวนนี้เท่านั้นที่อพยพออกจากพื้นที่จนถึงวันพุธ
กองกำลังอิรักขอให้ประชาชนหลบอยู่ในบ้าน ขณะที่ทหารเคลื่อนเข้าสู่เมือง ซึ่งมีการยิงต่อสู้กับนักรบญิหาดที่ซ่อนอยู่ในบ้านหลายหลัง
แม้การอพยพประชาชนจะช่วยให้กองทัพอิรักใช้อาวุธหนักและแย่งชิงพื้นที่ได้เร็วขึ้น ทว่า ผู้นำในแบกแดดไม่ต้องการให้โมซุลถูกทำลายราบเป็นหน้ากลอง.
.
.
.
.