เอเจนซีส์ / MGR online - คณะทำงานกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) เสร็จสิ้นภารกิจในการเดินทางเยือนสาธารณรัฐแอฟริกากลาง เพื่อประเมินภาวะทางเศรษฐกิจของอดีตดินแดนอาณานิคมแห่งนี้ของฝรั่งเศสที่ถูกรุมเร้าด้วยไฟสงครามกลางเมืองมายาวนานเกือบ 3 ปี
คำแถลงของคณะทำงานไอเอ็มเอฟซึ่งออก ณ กรุงบังกี เมืองหลวงสาธารณรัฐแอฟริกากลาง ระบุว่าเศรษฐกิจโดยภาพรวมของดินแดนแห่งนี้ยังถือว่าเดินอยู่ในเส้นทางที่ถูกต้องแม้จะได้รับผลกระทบจากปัจจัยแวดล้อมเชิงลบทางด้านความมั่นคงและความขัดแย้งในประเทศ
แม้สาธารณรัฐแอฟริกากลางจะยังไม่หลุดพ้นจากภาวะสงครามกลางเมือง แต่คณะทำงานของไอเอ็มเอฟประเมินว่าเศรษฐกิจของแอฟริกากลางน่าจะยังคงมีการเติบโตได้ที่ระดับ 4.5 เปอร์เซ็นต์ในปี 2016 นี้ และ 5.0 เปอร์เซ็นต์ในปี 2017 ซึ่งถือเป็นเป้าที่ลดลงมาจากการประเมินครั้งก่อนหน้านี้เมื่อเดือนกรกฎาคม ที่ทางไอเอ็มเอฟคาดการณ์ในเวลานั้นว่า เศรษฐกิจแอฟริกากลางจะเติบโตที่ระดับ 5.2 เปอร์เซ็นต์ในปีนี้ และ 5.5 เปอร์เซ็นต์ในปีหน้า
ความเคลื่อนไหวล่าสุดของคณะทำงานไอเอ็มเอฟ มีขึ้นเพียงไม่นานหลังจากที่ทางการฝรั่งเศสยืนยันจะยุติปฏิบัติการ “ซองการีส์” ที่ดำเนินมานานเกือบ 3 ปี ในสาธารณรัฐแอฟริกากลางลง ตั้งแต่ 30 ต.ค.นี้เป็นต้นไป ถึงแม้สถานการณ์ด้านความมั่นคงในอดีตดินแดนอาณานิคมของตนแห่งนี้ยังอยู่ในภาวะเปราะบาง
ฌอง อีฟส์ เลอ ดริยง รัฐมนตรีกลาโหมของฝรั่งเศส ที่อยู่ระหว่างเดินทางเยือนแอฟริกากลาง ประกาศว่าปฏิบัติการซองการีส์ (Operation Sangaris) ของฝรั่งเศส เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยในสาธารณรัฐแอฟริกากลาง ได้ปิดฉากลงอย่างเป็นทางการนับตั้งแต่ 30 ต.ค.ที่ผ่านมา หลังดำเนินมาตั้งแต่ปี 2013 พร้อมยืนยันปฏิบัติการทางทหารของฝรั่งเศสประสบความสำเร็จด้วยดี
รายงานข่าวระบุว่า กองกำลังรักษาสันติภาพขององค์การสหประชาชาติในสาธารณรัฐแอฟริกากลาง (MINUSCA) และกองกำลังรักษาสันติภาพจากองค์การสหภาพแอฟริกัน (African Union : AU) จะเป็นผู้รับช่วงต่อภารกิจในการดูแลความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ต่างๆ ของแอฟริกากลาง รวมถึงในกรุงบังกี ที่เป็นเมืองหลวง ต่อจากทหารฝรั่งเศส
อย่างไรก็ดี แม้ปฏิบัติการทางทหารดังกล่าวของฝรั่งเศสจะยุติลง แต่ทางรัฐบาลแดนน้ำหอมภายใต้การนำของประธานาธิบดีฟรองซัวส์ ออลลองด์ ได้ให้คำมั่นจะยังคงกำลังทหารฝรั่งเศสเอาไว้แอฟริกากลางต่อไปอีกราว 300 คน
การปิดฉากลงของปฏิบัติการซองการีส์ในครั้งนี้เป็นผลพวงมาจากคำประกาศของประธานาธิบดีออลลองด์เมื่อ 13 ก.ค. ว่าจะยุติการแทรกแซงทางทหารต่อสาธารณรัฐแอฟริกากลางในเดือนตุลาคมนี้ หลังจากที่กำลังทหารจากแดนน้ำหอมที่เคยมีจำนวนกว่า 2,500 นายถูกส่งเข้าไปรักษาความสงบเรียบร้อย ในอดีตดินแดนอาณานิคมแห่งนี้ ภายใต้ปฏิบัติการ Operation Sangaris นับตั้งแต่เดือนธันวาคม ปี 2013 เป็นต้นมา เพื่อยุติการนองเลือดในดินแดนแห่งนี้ที่ติดอันดับยากจนข้นแค้นที่สุดในโลก
ที่ผ่านมากำลังทหารฝรั่งเศสมีบทบาทสำคัญ ในการช่วยยุติการเข่นฆ่ากันเป็นรายวันระหว่างชาวคริสต์และชาวมุสลิมในสาธารณรัฐแอฟริกากลาง ขณะที่ทางองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ได้ส่งกองกำลังรักษาสันติภาพ เข้ามาในประเทศนี้มากกว่า 12,000 คน ซึ่งมีทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ-ทหาร รวมถึงพลเรือนชาวต่างชาติมากกว่า 500 คน
ทั้งนี้ สาธารณรัฐแอฟริกากลางซึ่งติดอันดับหนึ่งในประเทศที่พัฒนาน้อยที่สุดและยากจนข้นแค้นที่สุดในโลก ได้ถลำลึกลงสู่ความขัดแย้งนองเลือด ตั้งแต่ช่วงปลายปี 2013 หลังจากที่กลุ่มกบฏมุสลิม “เซเลกา” บุกโค่นอำนาจรัฐบาลกลางในกรุงบังกี ที่นำโดยพวกชาวคริสต์ และเริ่มสังหารหมู่ชาวคริสต์แบบบ้าคลั่ง เป็นเหตุให้ชาวคริสต์ในแอฟริกากลางตั้งกลุ่มติดอาวุธ “แอนตี้-บาลากา” ขึ้น เพื่อฆ่าล้างแค้นชาวมุสลิมบ้าง เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมากซึ่งไม่อาจประเมินตัวเลขได้แน่ชัด
ตามข้อมูลของยูเอ็น ความขัดแย้งในสาธารณรัฐแอฟริกากลาง ส่งผลให้เกิดคลื่นผู้อพยพภายในประเทศสูงกว่า 399,000 ราย ขณะที่ชาวแอฟริกากลางอีกมากกว่า 460,000 รายต้องหนีตายออกไปยังประเทศเพื่อนบ้านรายรอบ