xs
xsm
sm
md
lg

รบ.ฝรั่งเศสประกาศยุติปฏิบัติการ “ซองการีส์” ในแอฟริกากลาง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

ภาพจากรอยเตอร์
เอเอฟพี / เอเจนซีส์ / MGR online - ทางการฝรั่งเศสยืนยันจะยุติปฏิบัติการ “ซองการีส์” ที่ดำเนินมานานเกือบ 3 ปีในสาธารณรัฐแอฟริกากลางลง ตั้งแต่วันอาทิตย์ (30 ต.ค.) นี้เป็นต้นไป ถึงแม้สถานการณ์ด้านความมั่นคงในอดีตดินแดนอาณานิคมของตนแห่งนี้ยังอยู่ในภาวะเปราะบาง

ฌอง อีฟส์ เลอ ดริยง รัฐมนตรีกลาโหมของฝรั่งเศส ที่อยู่ระหว่างการเดินทางเยือนแอฟริกากลางประกาศในวันเสาร์ (29) โดยระบุว่า ปฏิบัติการที่ใช้ชื่อซองการีส์ (Operation Sangaris) ของฝรั่งเศส เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยในสาธารณรัฐแอฟริกากลางจะปิดฉากลงอย่างเป็นทางการนับตั้งแต่วันอาทิตย์นี้ (30) หลังดำเนินมาตั้งแต่ปี 2013 พร้อมยืนยันปฏิบัติการทางทหารของฝรั่งเศสประสบความสำเร็จด้วยดี

รายงานข่าวระบุว่า กองกำลังรักษาสันติภาพขององค์การสหประชาชาติในสาธารณรัฐแอฟริกากลาง (MINUSCA) และกองกำลังรักษาสันติภาพจากองค์การสหภาพแอฟริกัน (African Union : AU) จะเป็นผู้รับช่วงต่อภารกิจในการดูแลความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ต่างๆ ของแอฟริกากลาง รวมถึงในกรุงบังกีที่เป็นเมืองหลวง ต่อจากทหารฝรั่งเศส

อย่างไรก็ดี แม้ปฏิบัติการทางทหารดังกล่าวของฝรั่งเศสจะยุติลง แต่ทางรัฐบาลแดนน้ำหอมภายใต้การนำของประธานาธิบดีฟรองซัวส์ ออลลองด์ ได้ให้คำมั่นจะยังคงกำลังทหารฝรั่งเศสเอาไว้แอฟริกากลางต่อไปอีกราว 300 คน

การปิดฉากลงของปฏิบัติการซองการีส์ในครั้งนี้ เป็นผลพวงมาจากคำประกาศของประธานาธิบดีออลลองด์เมื่อ 13 ก.ค. ว่าจะยุติการแทรกแซงทางทหารต่อสาธารณรัฐแอฟริกากลางในเดือนตุลาคมนี้ หลังจากที่กำลังทหารจากแดนน้ำหอมที่เคยมีจำนวนกว่า 2,500 นายถูกส่งเข้าไปรักษาความสงบเรียบร้อย ในอดีตดินแดนอาณานิคมแห่งนี้ ภายใต้ปฏิบัติการ Operation Sangaris นับตั้งแต่เดือนธันวาคม ปี 2013 เป็นต้นมา เพื่อยุติการนองเลือดในดินแดนแห่งนี้ที่ติดอันดับยากจนข้นแค้นที่สุดในโลก

ที่ผ่านมากำลังทหารฝรั่งเศสมีบทบาทสำคัญในการช่วยยุติการเข่นฆ่ากันเป็นรายวันระหว่างชาวคริสต์และชาวมุสลิมในสาธารณรัฐแอฟริกากลาง ขณะที่องค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ได้ส่งกองกำลังรักษาสันติภาพเข้ามาในประเทศนี้มากกว่า 12,000 คน ซึ่งมีทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ-ทหาร รวมถึงพลเรือนชาวต่างชาติมากกว่า 500 คน

ทั้งนี้ สาธารณรัฐแอฟริกากลางซึ่งติดอันดับหนึ่งในประเทศที่พัฒนาน้อยที่สุดและยากจนข้นแค้นที่สุดในโลก ได้ถลำลึกลงสู่ความขัดแย้งนองเลือด ตั้งแต่ช่วงปลายปี 2013 หลังจากที่กลุ่มกบฏมุสลิม “เซเลกา” บุกโค่นอำนาจรัฐบาลกลางในกรุงบังกี ที่นำโดยพวกชาวคริสต์ และเริ่มสังหารหมู่ชาวคริสต์แบบบ้าคลั่ง เป็นเหตุให้ชาวคริสต์ในแอฟริกากลางตั้งกลุ่มติดอาวุธ “แอนตี้-บาลากา” ขึ้นเพื่อฆ่าล้างแค้นชาวมุสลิมบ้าง เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมากซึ่งไม่อาจประเมินตัวเลขได้แน่ชัด

ตามข้อมูลของยูเอ็น ความขัดแย้งในสาธารณรัฐแอฟริกากลาง ส่งผลให้เกิดคลื่นผู้อพยพภายในประเทศสูงกว่า 399,000 ราย ขณะที่ชาวแอฟริกากลางอีกมากกว่า 460,000 รายต้องหนีตายออกไปยังประเทศเพื่อนบ้านรายรอบ
ภาพจากรอยเตอร์
ภาพจากรอยเตอร์

กำลังโหลดความคิดเห็น