เอเอฟพี – นักรบไอเอสบางส่วนเริ่มแปลงโฉมและย้ายแหล่งกบดาน คาดเตรียมหนีไปซีเรีย ขณะที่ทัพใหญ่อิรักเคลื่อนเข้าประชิดโมซุลใกล้ขึ้นทุกที ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่บรรเทาทุกข์เตือนว่า วิกฤตมนุษยธรรมครั้งใหญ่อาจเกิดขึ้นทันทีที่มีการสู้รบภายในตัวเมืองโมซุลและพลเรือนหนีออกจากเมืองได้ พร้อมกันนี้รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ และอังกฤษแสดงความคาดหวังว่า กลุ่มพันธมิตรจะสามารถเปิดฉากบุกร็อกเกาะห์ในซีเรียภายในไม่กี่สัปดาห์
วันพุธที่ผ่านมา (26) อาบู ซาอิฟ ที่อาศัยอยู่ด้านตะวันออกของโมซุล เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวเอเอฟพีว่า หน่วยรบพิเศษของอิรักอยู่ห่างจากโมซุลเพียง 5 กิโลเมตรทางด้านตะวันออก และว่า ขณะนี้ นักรบกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) บางคนโกนหนวดเคราทิ้ง รวมทั้งเปลี่ยนมาแต่งตัวแบบชาวบ้านทั่วไป และอาจเตรียมตัวหนีออกจากเมือง
ชาวบ้านอีกหลายคนและเจ้าหน้าที่ทหารเผยว่า นักรบญิฮาดจำนวนมากย้ายที่กบดานภายในโมซุล จากฝั่งตะวันออกไปยังฐานบัญชาการดั้งเดิมบนฝั่งตะวันตกของแม่น้ำไทกริส เนื่องจากใกล้เส้นทางหลบหนีไปยังซีเรียมากกว่า
ชาวบ้านยังเล่าว่า เสียงการสู้รบทางด้านเหนือและตะวันออกของโมซุลดังกึกก้องเข้าไปถึงในเมือง และเครื่องบินของกองกำลังพันธมิตรที่นำโดยสหรัฐฯ บินต่ำกว่าปกติ
ทั้งนี้ นักรบอิรักนับหมื่นเคลื่อนเข้าประชิดโมซุลจากทิศใต้ ตะวันออก และเหนือ หลังจากทางการแบกแดดเริ่มยุทธการชิงโมซุลคืนเมื่อวันที่ 17 ที่ผ่านมา โดยเมืองนี้ถือเป็นที่มั่นสำคัญแห่งสุดท้ายของไอเอสในอิรัก
การโจมตีดังกล่าวได้รับการสนับสนุนภาคพื้นดินและอากาศจากกองกำลังพันธมิตรที่เริ่มปฏิบัติการกวาดล้างไอเอสตั้งแต่เมื่อสองปีที่แล้ว
กองทัพรัฐบาลอิรักที่มีนักรบเพชเมอร์กาของเคิร์ดร่วมสนับสนุน เข้ายึดเมืองและหมู่บ้านมากมายคืนได้ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่นักรบญิฮาดพยายามต้านทานด้วยปืนใหญ่ การลอบยิง และคาร์บอมบ์
เชื่อกันว่า มีนักรบไอเอสอยู่ในโมซุล เมืองใหญ่อันดับ 2 ของอิรัก ราว 3,000-5,000 คน และมีพลเมืองที่ยังตกค้างอยู่กว่าล้านคน
เจ้าหน้าที่บรรเทาทุกข์เตือนว่า วิกฤตมนุษยธรรมครั้งใหญ่อาจเกิดขึ้นทันทีที่การสู้รบเคลื่อนเข้าถึงภายในเมืองโมซุล และพลเรือนสามารถหลบหนีออกจากเมืองได้
.
.
วันพุธ (26) จาซเซม โมฮัมเหม็ด อัล-จาฟฟ์ รัฐมนตรีการย้ายถิ่นและการอพยพของอิรักเผยว่า มีพลเรือนกว่า 3,300 คนหนีออกจากโมซุลในวันอังคาร (25) ซึ่งถือเป็นจำนวนสูงสุดในรอบวันเดียวนับจากเริ่มปฏิบัติการทางทหาร
ด้านสหประชาชาติแถลงเมื่อค่ำวันพุธว่า จำนวนพลเรือนที่ทิ้งถิ่นฐานนับจากเริ่มปฏิบัติการในเดือนตุลาคมขณะนี้แตะระดับ 10,000 คนแล้ว
ขณะที่การโอบล้อมโมซุลขมวดแคบเข้าทุกที เจ้าหน้าที่จาก 60 ประเทศของกลุ่มพันธมิตรต่อต้านไอเอสเริ่มมีความชัดเจนในการรบขั้นต่อไป โดยทั้งแอช คาร์เตอร์ และไมเคิล ฟัลลอน รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ และอังกฤษตามลำดับ คาดว่า จะเริ่มปฏิบัติการบุกเมืองร็อกเกาะห์ที่ไอเอสอุปโลกน์เป็นเมืองหลวงในซีเรีย ภายในไม่กี่สัปดาห์นี้
คาร์เตอร์ให้สัมภาษณ์เอ็นบีซี นิวส์เมื่อวันพุธ ขณะเดินทางถึงกรุงบรัสเซลส์เพื่อร่วมประชุมรัฐมนตรีกลาโหมองค์การสนธิสัญญาปกป้องแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ว่า ปฏิบัติการดังกล่าวเป็นแผนการที่ตระเตรียมกันมานานแล้ว และกลุ่มพันธมิตรมีทรัพยากรเพียงพอสำหรับทั้งโมซุลและร็อกเกาะห์
อนึ่ง หากโมซุลแตก ร็อกเกาะห์จะเป็นเมืองใหญ่เพียงแห่งเดียวในซีเรียและอิรักที่อยู่ภายใต้การควบคุมของไอเอส และถือเป็นซากรัฐอิสลามที่กลุ่มก่อการร้ายนี้สถาปนาขึ้นหลังจากเข้ายึดอาณาบริเวณกว้างขวางในอิรักและซีเรียเมื่อกลางปี 2014
อย่างไรก็ตาม การตีร็อกเกาะห์มีแนวโน้มซับซ้อนกว่าโมซุล นอกจากนั้นกลุ่มพันธมิตรยังขาดกำลังสนับสนุนภาคพื้นดินที่แข็งแกร่งในซีเรีย ซึ่งแตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากในอิรัก
ขณะเดียวกัน ทำเนียบขาวแถลงเมื่อวันพุธว่า ประธานาธิบดีบารัค โอบามาของสหรัฐฯ หารือทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดีเรเจป ตัยยิป แอร์โดอันของตุรกี โดยมีการเรียกร้องการกระชับความร่วมมือระหว่างสองประเทศเพื่อกดดันไอเอสในซีเรียอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะช่วยลดภัยคุกคามต่อทั้งอเมริกา ตุรกี และประเทศอื่นๆ
สงครามกลางเมืองฉุดให้สถานการณ์ในซีเรียโกลาหลอลหม่านจากการห้ำหั่นกันระหว่างนักรบญิฮาด กลุ่มกบฏที่อเมริกาหนุนหลัง กลุ่มเคิร์ดในซีเรีย และกองกำลังของประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด.