เอเจนซีส์ / MGR online - ผู้อพยพจำนวนหลายร้อยคนรวมตัวก่อการประท้วงภายในค่ายพักพิงชั่วคราวในประเทศบัลแกเรีย เรียกร้องให้เปิดเส้นทางอพยพที่มุ่งหน้าสู่ยุโรปตะวันตก
รายงานข่าวระบุว่า ผู้อพยพประมาณ 300 คนซึ่งส่วนใหญ่มาจากอัฟกานิสถานได้รวมตัวประท้วงในวันจันทร์ (24 ต.ค.) ภายในศูนย์พักพิงชั่วคราวฮาร์มานลี ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นค่ายผู้อพยพที่ใหญ่ที่สุดของบัลแกเรียที่ตั้งอยู่ใกล้กับชายแดนตุรกี โดยกลุ่มผู้อพยพเรียกร้องให้ทางการบัลแกเรียเปิดทางให้พวกเขาได้เดินทางต่อไปยังเซอร์เบีย และมุ่งหน้าสู่ยุโรปตะวันตก
ด้านกระทรวงมหาดไทยของบัลแกเรียออกคำแถลงยืนยันการเกิดเหตุตึงเครียดดังกล่าวภายในค่ายฮาร์มานลี ที่เป็นบ้านของผู้อพยพราว 3,800 ชีวิตในเวลานี้
ตามข้อมูลของทางการบัลแกเรีย ผู้อพยพส่วนใหญ่ที่ติดค้างอยู่ในเขตแดนของตนจำนวนหลายพันคนในเวลานี้ ราวร้อยละ 70 มาจากอัฟกานิสถาน ส่วนผู้อพยพจากซีเรียมีสัดส่วนราวร้อยละ 12 ขณะที่นับตั้งแต่เริ่มปี 2016 เป็นต้นมา ยอดผู้อพยพที่ได้รับการขึ้นทะเบียนจากทางการบัลแกเรียมีจำนวนรวมทั้งสิ้นราว 13,000 คน
ในเวลานี้คลื่นการไหลบ่าของเหล่าผู้อพยพจากตะวันออกกลางเข้าสู่ยุโรปเริ่มชะลอตัวลงอย่างสำคัญจากที่เคยมีจำนวนสูงถึง 200,000 รายเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา และการชะลอตัวที่ว่านี้ถือเป็นผลพวงโดยตรงจากการที่หลายประเทศในพื้นที่คาบสมุทรบอลข่านพร้อมใจกันดำเนินนโยบาย “ปิดพรมแดน” ตั้งแต่ช่วงต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา
นอกเหนือจากการปิดพรมแดนของรัฐแถบบอลข่านเพื่อสกัดกั้นการไหลบ่าของผู้อพยพแล้ว การทำข้อตกลงระหว่างสหภาพยุโรป (อียู) กับรัฐบาลตุรกีก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ส่งผลให้ยอดผู้อพยพสู่ยุโรปลดจำนวนลงด้วยเช่นกัน
ตามข้อตกลงดังกล่าว รัฐบาลตุรกีเห็นชอบที่จะรับตัวผู้อพยพทางเรือที่เดินทางออกจากชายฝั่งของตุรกีไปยังหมู่เกาะต่างๆ ของกรีซในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนกลับคืนไป แลกเปลี่ยนกับการรับ “ค่าตอบแทน” จากอียู ซึ่งอยู่ในรูปของเงินช่วยเหลือจำนวนหลายพันล้านยูโร และการเปิดให้พลเมืองตุรกีสามารถเดินทางท่องเที่ยวในประเทศสมาชิกอียูได้โดยไม่จำเป็นต้องใช้ “วีซ่า”