เอเอฟพี/รอยเตอร์ - สหรัฐฯ อ้างในวันพฤหัสบดี (20 ต.ค.) รัฐบาลฟิลิปปินส์ยังไม่ได้เรียกร้องอย่างเป็นทางการสำหรับปรับเปลี่ยนความร่วมมือกับวอชิงตัน แม้ประธานาธิบดี โรดริโก ดูเตอร์เต ประกาศตัดขาดจากอเมริการะหว่างเดินทางเยือนจีนก็ตาม
ด้าน เอริค ชูลต์ซ โฆษกทำเนียบขาวบอกกับผู้สื่อข่าวระหว่างแถลงสรุปประจำวันว่า “เรายังไม่ได้รับคำขออย่างเป็นทางการใดจากเจ้าหน้าที่ฟิลิปปินส์ ในการปรับเปลี่ยนประเด็นต่างๆ มากมายในความร่วมมือแบบทวิภาคีระหว่างเรา” ขณะที่เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ รายหนึ่งซึ่งไม่ประสงค์เอ่ยนามบอกกับเอเอฟพีว่า “เรายังไม่ได้รับคำขอใดๆ ผ่านช่องทางอย่างเป็นทางการเพื่อปรับเปลี่ยนความช่วยเหลือหรือความร่วมมือของเรากับฟิลิปปินส์”
ก่อนหน้านี้ในวันเดียวกัน ประธานาธิบดูเตอร์เตที่อยู่ระหว่างเยือนจีน ได้ประกาศตัดขาดกับสหรัฐฯ ในวันพฤหัสบดี (20 ต.ค.) และปรับปรุงมิตรภาพใหม่กับปักกิ่ง ในขณะที่ทั้งสองชาติเห็นพ้องคลี่คลายข้อพิพาทด้านอาณาเขตในทะเลจีนใต้ผ่านการเจรจา
คำพูดดังกล่าวของนายดูเตอร์เตเกิดขึ้นในกรุงปักกิ่ง ระหว่างที่เขาพบปะกับเหล่านักธุรกิจกว่า 200 คน เพื่อเปิดทางสำหรับพันธมิตรทางการค้าใหม่ ในขณะที่ความสัมพันธ์กับพันธมิตรเก่าแก่อย่างสหรัฐฯ เสื่อมทรามลง
“ณ เวทีนี้ ด้วยความเคารพ นี่คือเวทีที่ผมจะประกาศตัดขาดจากสหรัฐฯ” ดูเตอร์เตบอกกับเหล่านักธุรกิจทั้งชาวจีนและชาวฟิลิปินส์ ท่ามกลางเสียงปรบมือดังกึกก้อง ณ เวทีสัมมนาในมหาศาลาประชาชนที่มีรองนายกรัฐมนตรี จาง เกาลี่ เข้าร่วม “ทั้งทางทหารและทางเศรษฐกิจ แต่อาจไม่รวมถึงทางสังคม อเมริกาได้สูญเสียมันไปแล้ว”
ความพยายามผูกสัมพันธ์กับจีนของนายดูเตอร์เตมีขึ้นหลายเดือนหลังจากคณะอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศในเมืองเฮกพิพากษาว่าปักกิ่งไม่มีสิทธิ์ทางประวัติศาสตร์ต่อทะเลจีนใต้ ในคดีที่ยื่นฟ้องร้องโดยรัฐบาลชุดเก่าของมะนิลา การปรับเปลี่ยนนโยบายด้านการต่างประเทศครั้งสำคัญนับตั้งแต่อดีตนายกเทศมนตรีวัย 71 ปีรายนี้เข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน
รามอน โลเปซ รัฐมนตรีการค้าของฟิลิปปินส์เผยว่าจะมีการลงนามข้อตกลงการค้ามูลค่า 13,500 ล้านดอลลาร์ระหว่างการเดินทางเยือนจีนคราวนี้
“ผมปรับเปลี่ยนตนเองในความคิดของคุณ และบางทีอาจจะไปยังรัสเซียเพื่อพูดคุยกับปูติน (ประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน) และบอกกับเขาว่า 3 เรากับโลกใบนี้ ฟิลิปปินส์ จีน และรัสเซีย มันเป็นเพียงหนทางเดียว” เขาบอกกับผู้ฟัง
ความเห็นของนายดูเตอร์เตจะกระตุ้นความกังวลรอบใหม่แก่สหรัฐฯ เนื่องจากประธานาธิบดี บารัค โอบามา มองมะนิลาในฐานะพันธมิตรหลักในการคืนสมดุลทรัพยากรต่างๆ แก่เอเชีย ที่ต้องเผชิญหน้ากับการแผ่ขยายอิทธิพลของจีน
รัฐบาลสหรัฐฯ บรรลุข้อตกลงกับรัฐบาลชุดก่อนของฟิลิปปินส์ สำหรับอนุญาตให้กองกำลังหมุนเวียนอเมริกาเข้าถึงฐานทัพต่างๆ ในฟิลิปปินส์ และท่าทีล่าสุดของนายดูเตอร์เตได้กระพือข้อสงสัยเกี่ยวกับอนาคตของข้อตกลงดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม โฆษกทำเนียบขาวย้ำถึงข้อผูกมัดระหว่างวอชิงตันกับมะนิลา หลังถูกถามเกี่ยวกับคำพูดล่าสุดของนายดูเตอร์เต “พันธมิตรระหว่างสหรัฐฯ กับฟิลิปปินส์สร้างขึ้นมาในประวัติศาสตร์ 70 ปี ไม่ว่าจะเป็นด้านความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนกับประชาชน และผลประโยชน์ด้านความมั่นคงร่วมต่างๆ นานา” เนด ไพรซ์กล่าว “เรายังคงเป็นหนึ่งในพันธมิตรทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งที่สุดของฟิลิปปินส์”