เอเจนซีส์ - เมื่อวานนี้(11 ต.ค.) ทหารกองทัพประชาชนจีนในเครื่องแบบลายพรางจำนวนไม่ต่ำกว่า 1,000 นาย รวมตัวประท้วง พร้อมโบกธงชาติจีนอยู่ด้านหน้ากระทรวงกลาโหมจีนไม่พอใจแผนปฏิรูปปักกิ่ง สั่งปลดออกทีเดียว 300,000 ตำแหน่ง เหตุตัวเลขการเติบโตเศรษฐกิจจีนอยู่ในช่วงขาลง
สื่อไทเปไทม์สรายงานวันนี้ (12 ต.ค.) ว่า ตำรวจจีนต้องทำงานอย่างหนักในวันอังคาร (11 ต.ค.) ด้วยการปิดถนนสายต่าง ๆ ในกรุงปักกิ่ง ในบริเวณใกล้กับที่ทำการตึกสำคัญด้านความมั่นคงแห่งชาติจีน หลังจากทหารกองทัพประชาชนจีนในเครื่องแบบลายพรางจำนวนไม่ต่ำกว่า 1,000 นาย รวมตัวประท้วง พร้อมโบกธงชาติจีนอยู่ด้านหน้ากระทรวงกลาโหมจีน เรียกร้องสิทธิการจ้างงานต่อไป
ซึ่งสื่ออินเตอร์เนชันแนลบิสซิเนสไทม์ส ชี้ว่า ในช่วงต้นเดือนกันยายนที่มีการจัดการพิธีสวนสนามเกิดขึ้น ประธานาธิบดี สี จิ้น ผิง ได้ออกแถลงการณ์ประกาศว่า ในฐานะที่จีนเป็นประเทศรักสงบ ดังนั้น จึงไม่มีความจำเป็นต้องการเพิ่มกำลังอีกต่อไป โดยทางปักกิ่งมีแผนการปรับลดจำนวนกำลังพลราว 300,000 ตำแหน่ง สำนักข่าวซินหัวรายงาน
ซึ่งไทเปไทม์ส ชี้ว่า การปลดกองกำลังออกนี้คาดว่าจะเกิดขึ้นภายในสิ้นปี 2017 เหตุจากการที่ทางปักกิ่งต้องการปรับทิศทางกองทัพหันไปพึ่งพาความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีทางการทหารมากกว่าในส่วนของกองทัพเรือและกองทัพอากาศ
อินเตอร์เนชันแนลบิสซิเนสไทม์ส รายงานต่อว่า การปรับลดจำนวนกองกำลังล่าสุดนี้ถือเป็นการปรับลดครั้งใหญ่นับตั้งแต่ปี 1973 ซึ่งในครั้งนั้นทหารจีนจำนวนมากถึง 500,000 นาย ต้องถูกปลดออก โดยพบว่าในเดือนมีนาคม ต้นปีนี้ การเติบโตงบประมาณการทหารของจีนนั้นช้าลง ถือเป็นครั้งแรกในรอบ 6 ปี
สื่อธุรกิจอธิบายว่า ถึงแม้ว่าจะยังเห็นการเพิ่มขึ้นของงบประมาณทางการทหารจีน 7.6% หรือเท่ากับ 146 พันล้านดอลลาร์ แต่ทว่าสำหรับในปี 2015 งบประมาณทางทหารจีนเติบโตถึง 10% และราว 12.2% ในปีก่อนหน้านั้น (2014) และเมื่อเปรียบเทียบกับงบประมาณทางทหารสหรัฐฯปี 2016 อยู่ราว 585 พันล้านดอลลาร์
ทั้งนี้ การประกาศปลดกองกำลังทหารครั้งใหญ่ มาพร้อมกับคำมั่นสัญญาใน “สันติภาพ” ของสี ซึ่งอินเตอร์เนชันแนลบิสซิเนสไทม์ส วิเคราะห์ว่า มีคำว่า “สันติภาพ” ปรากฏอยู่ในคำกล่าวสุนทรพจน์ของประธานาธิบดีจีนในวันที่ 3 กันยายนถึง 29 ครั้งด้วยกัน ซึ่งสิ่งนี้อาจจะทำให้ประเทศเพื่อนบ้านเช่น ญี่ปุ่น เวียดนาม หรือ ฟิลิปปินส์ แปลกใจ
แต่ในระหว่างที่ปักกิ่งส่งกองเรือของตัวเองแล่นตรวจการณ์ไปตามหมู่เกาะพิพาท เศรษฐกิจของจีน ได้เริ่มต้นส่งสัญญาณความจำเป็นต้องมีดินแดนใหม่ที่พร้อมไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติ ซึ่งในการประกาศลดงบประมาณทางการทหารครั้งใหม่ พลตรี เฉิน โช (Maj. Gen. Chen Zhou) แห่งกองทัพปลดแอกประชาชนจีน ได้อ้างอิงไปถึงตัวเลขการเติบโต GDP ของจีนที่ช้าลง ซึ่งลดลงกว่าตัวเลขการปรับลดงบประมาณของกองทัพจีนเล็กน้อย อ้างอิงจากการรายงานของสื่อทางการจีน
โดยพบว่าตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนในปี 2015 อยู่ที่ 6.9% เท่านั้น ถือเป็นการเติบโตต่ำที่สุดในรอบ 25 ปีของจีน
ไทเปไทม์ส รายงานต่อว่า ในวันอังคาร (11 ต.ค.) มีรายงานรถประจำทางในกรุงปักกิ่งติดเป็นแถวทอดยาวในบริเวณถนนฉางอาน ในขณะที่มีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจีนยืนอยู่ประจำช่องว่างระหว่างรถ เพื่อป้องกันไม่ให้คนทั่วไปได้เห็นการรวมตัวประท้วงของทหารจีนจำนวนมากที่อยู่บริเวณด้านข้างถนน
ซึ่งพบว่านายทหารจีนยืนประท้วงนานหลายชั่วโมงบริเวณด้านหน้าของกระทรวงกลาโหมจีน พร้อมโบกธงชาติ และกล่าวตะโกนว่า “พวกเราทั้งหมดถูกละเมิดในสิทธิและผลตอบแทนของพวกเราที่ต้องถูกโยกย้ายออกจากตำแหน่งในกองทัพไปยังตำแหน่งพลเรือนที่เหมาะสม”
สื่อไทเปชี้ว่า ตำรวจในพื้นที่ไม่อนุญาตให้นักข่าวเข้าไปรายงานในจุดการประท้วง และพบว่า มีทหารจีน 2 นายที่ร่วมการประท้วงไม่ยอมให้ข้อมูลกับนักข่าวเอพีที่ได้เข้าไปซักถาม และมีการเซ็นเซอร์ทางอินเทอร์เน็ตเกี่ยวกับทหารจีนที่ถูกสั่งปลดทำการ หรือกระทรวงกลาโหมจีน
แต่อย่างไรก็ตาม ไทเปไทม์ส รายงานว่า ผู้ประท้วง 2 ราย ได้ยอมเปิดเผยกับเอพีว่า พวกเขาเป็นทหารผ่านศึกจีน ต้องการเรียกร้องปักกิ่งถึงค่าตอบแทนเงินบำนาญของพวกเขา แต่พวกเขายืนยันว่าไม่ต้องการเปิดเผยในเรื่องนี้ต่อสื่อต่างชาติ และอีกทั้งคนทั้งคู่ยังปฎิเสธที่จะเปิดเผยชื่อกับเอพี
นอกจากนี้ ในระหว่างการประท้วงยังพบว่า มีรถตำรวจจีนติดอาวุธได้วิ่งตรวจการณ์อยู่ไปมาทั่วบริเวณ และยังมีกลุ่มตำรวจนอกเครื่องแบบสวมหูฟัง และถือวิทยุติดต่อสื่อสารให้พบเห็น
ในขณะที่รัฐมนตรีกลาโหมจีน จาง หวันกวน (Chang Wanquan) (常萬全)มีกำหนดเป็นเจ้าภาพจัดงานเลี้ยงต่อผู้เข้าร่วมเซียงซาน ฟอรัม (Xiangshan Forum) ในตึกที่ทำการกระทรวงกลาโหมในคืนที่ผ่านมา ซึ่งสื่อไต้หวันรายงานว่า ถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติของปักกิ่งในการตอบรับการประชุมว่าด้วยความมั่นคงประจำปีแชงกรี-ลาฟอรัม ในสิงคโปร์
ไทเปไทม์ส ชี้ต่อว่า การออกมาประท้วงของทหารกองทัพปลดแอกประชาชนจีนที่ถูกปลดออกถือไม่ใช่เรื่องปกติ ซึ่งก่อนหน้านี้ มีการจัดการประท้วงโดยอดีตทหารผ่านศึกสงครามเวียดนามในปี 1979 ได้ออกมาเรียกร้องเรื่องค่าตอบแทนบำนาญ
ซึ่งนักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิมนุษยชน ฮวง ฉี (Huang Qi ) (黃琦)ได้เปิดเผยกับเอพี ว่า เฉพาะแค่ในปีนี้ มีทหารผ่านศึกจีนได้จัดการประท้วงถึง 50 ครั้งแล้ว แต่กระนั้นการจัดประท้วงครั้งใหญ่กลางใจกลางเมืองหลวงประเทศถือเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ยาก
