“เนติวิทย์” มี ตร.เป็นพรายกระซิบ! แฉจีนส่งหนังสือแจ้งไทยรวบ “โจซัว หว่อง” สื่อนอกเผยมาเลย์ก็ไม่ให้เข้าประเทศเหมือนกัน

เอเอฟพี/MGR Online - “เนติวิทย์” เผยกับสื่อนอกอ้างมีตำรวจเป็นพรายกระซิบบอก “โจชัว หว่อง” อดีตแกนนำนักศึกษาประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตยฮ่องกงปี 2014 ถูกเนรเทศพ้นไทยจากคำร้องขออย่างเป็นทางการของจีน ขณะที่สหประชาชาติฉวยโอกาสสับรัฐบาลประยุทธ์ ระบุการควบคุมตัวเลขาธิการพรรคการเมืองเดโมซิสโตรายนี้ ก่อความกังวลเพิ่มเติมต่อการจำกัดสิทธิเสรีภาพการแสดงออกในไทย

โจชัว หว่อง อดีตแกนนำนักศึกษาเรียกร้องประชาธิปไตยฮ่องกง และเลขาธิการพรรคการเมืองฮ่องกง เดโมซิสโต โพสต์ ถูกควบคุมตัวขณะเดินทางมาถึงสนามสุวรรณภูมิเมื่อเช้าวันพุธ (5 ต.ค.) จากนั้นก็ถูกกักตัวไว้นานหลายชั่วโมง ก่อนถูกส่งตัวกลับประเทศในช่วงบ่ายวันเดียวกัน

เอเอฟพีระบุว่ามีข่าวลือแพร่สะพัดว่ารัฐบาลทหารของไทยดำเนินการภายใต้แรงกดดันจากจีน มหาอำนาจของภูมิภาคและพันธมิตรสำคัญที่ลงทุนมือเติบและให้การสนับสนุนคณะรัฐประหารที่ขาดแคลนมิตรสหายระหว่างประเทศตามหลังเข้ายึดอำนาจในปี 2014

สำนักข่าวแห่งนี้อ้างคำสัมภาษณ์ของนายเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล ซึ่งเป็นคนเชิญนายหว่องมาบรรยายในไทย เผยว่าเขาได้รับคำบอกเล่าจากตำรวจว่ามีหนังสืออย่างเป็นลายลักษณ์อักษรจากรัฐบาลจีนส่งถึงรัฐบาลไทย แสดงความกังวลเกี่ยวกับนายหว่อง

รายงายของเอเอฟพีอ้างเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองที่สนามบินรายหนึ่งบอกว่ามีคำสั่งให้ควบคุมตัวนายหว่อง แต่ปฏิเสธเปิดเผยว่าใครเป็นผู้ออกคำสั่ง

อย่างไรก็ตาม พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุว่า “ไม่มีคำสั่งหรือได้รับคำขอใดๆเกี่ยวข้องกับนายหว่อง” เขากล่าว “นายหว่องเคยดำเนินการเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลต่างชาติ และหากความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นในไทย ท้ายที่สุดแล้วมันอาจกระทบความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับประเทศอื่นๆ”

ไทยไม่ใช่ประเทศแรกที่เนรเทศนายโจซัว หว่อง โดยเมื่อปีที่แล้วเขาก็ถูกห้ามเข้ามาเลเซียเช่นกัน และจากนั้นเจ้าหน้าที่กัวลาลัมเปอร์ก็ส่งตัวเขากลับไปยังฮ่องกง โดยอ้างความกังวลว่าแผนพบปะพูดคุยของเขาอาจกัดเซาะความสัมพันธ์กับปักกิ่ง

อย่างไรก็ตาม ในกรณีของไทย เฌเรมี ลอเรนซ์ โฆษกสำนักงานสิทธิมนุษยชนสหประชาชาติประจำภูมิภาคเอเชีย ระบุว่าการควบคุมตัวนายหว่องก่อความกังวลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิเสรีภาพการแสดงออกและเสรีภาพในการชุมนุมของไทย

การควบคุมตัวนายหว่องยังเกิดขึ้นเกือบ 1 ปีหลังจากนายกุ้ย หมินไห่ เจ้าของร้านหนังสือและสำนักพิมพ์ในฮ่องกง หายตัวไประหว่างอยู่ในประเทศไทย ก่อนในเวลาต่อมาจะไปปรากฎตัวในจีน ทั้งนี้เขาเป็นหนึ่งในหลายคนที่ถูกทางการจีนควบคุมตัวในความเกี่ยวข้องกับการขายหนังสือที่วิพากษ์วิจารณ์เหล่าผู้นำปักกิ่ง

“ผมโชคดีมากที่กลับถึงฮ่องกงในท้ายที่สุด หากผมไม่ได้กลับมา ผมก็ไม่อยากจินตนาการเลยว่าสถานการณ์จะเป็นแบบไหน ผมโชคดีที่ไม่ได้เป็นผู้สูญหายลำดับถัดไป” นายหว่องกล่าวระหว่างเดินทางกลับถึงฮ่องกงในช่วงบ่ายวันพุธ (5 ต.ค.) “ผมคิดว่าปักกิ่งคือปัจจัยสำคัญหรือแรงจูงใจที่ทำให้รัฐบาลไทยควบคุมตัวผมที่สนามบิน”