“สวนดุสิตโพล” สำรวจประชาชนส่วนใหญ่ พอมั่นใจอยู่บ้างที่ “รัฐบาลประยุทธ์” จะแก้ปัญหาการเมืองได้ ระบุปัญหาสำคัญอันดับแรกคือ ความขัดแย้งแตกแยก แบ่งขั้วการเมือง เชื่อความพยายามวางรากฐานในการปราบปรามคอร์รัปชัน พอที่รัฐบาลชุดนี้จะทำได้
สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นประชาชน เรื่อง “รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ กับการแก้ปัญหาการเมืองไทย” สำรวจระหว่างวันที่ 27 มิ.ย. - 1 ก.ค.ที่ผ่านมา จากประชาชนจำนวน 1,246 คน พบว่า 5 อันดับปัญหาการเมืองไทย ณ วันนี้ อันดับ 1 ร้อยละ 82.34 ระบุว่า ความขัดแย้งแตกแยก การแบ่งขั้วทางการเมือง รองลงมาร้อยละ 76.89 การทุจริตคอร์รัปชัน แสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ ร้อยละ 61.16 การประพฤติปฏิบัติ พฤติกรรมของนักการเมือง ร้อยละ 56.74 ระบุ การแก้รัฐธรรมนูญ และร้อยละ 54.90 การบริหารประเทศ การแก้ปัญหาเศรษฐกิจ สังคม และการศึกษา
ส่วนปัญหาการเมืองไทยที่ประชาชนคิดว่ารัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ พอที่จะแก้ได้ ส่วนใหญ่ร้อยละ 80.81 คือความพยายามวางรากฐานในการปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชัน รองลงมาร้อยละ 80.26 การชุมนุมเคลื่อนไหวทางการเมือง และร้อยละ 75.28 ระบุว่า ความพยายามในการป้องกันการแสวงหาผลประโยชน์ แก่งแย่งอำนาจทางการเมือง
ส่วนปัญหาการเมืองไทยที่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ยังแก้ไม่ได้ ส่วนใหญ่ร้อยละ 78.01 ระบุว่า การขุดรากถอนโคนการทุจริตคอร์รัปชันในโครงการต่างๆ ให้หมดสิ้นไป ร้อยละ 71.51 ระบุว่า การสร้างความสามัคคีปรองดองที่เป็นรูปธรรม และร้อยละ 62.76 ปัญหาเศรษฐกิจ ปากท้องความเป็นอยู่ของประชาชนโดยเฉพาะราคาสินค้าแพง
สำหรับแนวทางแก้ปัญหาทางการเมืองที่ประชาชนคิดว่ารัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ควรทำ ส่วนใหญ่ร้อยละ 85.63 ระบุว่าควรรับฟังความคิดเห็น ข้อเสนอแนะ และนำไปปรับใช้ในการทำงาน รองลงมาร้อยละ 77.37 ควรแก้ที่ต้นเหตุ มีความเด็ดขาด จริงจัง ไม่เลือกปฏิบัติ ไม่สองมาตรฐาน และร้อยละ 71.91 ประชาสัมพันธ์ให้มากกว่าที่เป็นอยู่ ทำความเข้าใจให้ทุกฝ่ายได้รับรู้และเข้าใจตรงกัน
เมื่อถามว่าประชาชนมั่นใจต่อการแก้ปัญหาการเมืองของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ มากน้อยเพียงใด ส่วนใหญ่ร้อยละ 41.01 ระบุว่าพอมั่นใจอยู่บ้าง เพราะเป็นรัฐบาลทหาร มีความเด็ดขาด ตรงไปตรงมา ทำงานตามนโยบายที่วางไว้ มีโรดแมปการทำงานที่ชัดเจน มีประสบการณ์ในการบริหารประเทศพอสมควร รองลงมาร้อยละ 25.44 มั่นใจมาก เพราะรัฐบาลสามารถควบคุมสถานการณ์และแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้ มีอำนาจพิเศษ ทำให้บ้านเมืองอยู่ในภาวะสงบเรียบร้อย ไม่มีเหตุการณ์วุ่นวายเกิดขึ้น ขณะที่ร้อยละ 17.82 ระบุว่าไม่ค่อยมั่นใจ เพราะปัญหาสะสมมานาน แต่ละรัฐบาลที่เข้ามาก็ยังไม่สามารถแก้ไขได้ สภาพเศรษฐกิจไม่ดี กระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์การทำงานค่อนข้างมาก