เอเจนซีส์/รอยเตอร์ - ประธานาธิบดีสหรัฐฯ บารัค โอบามา เข้าร่วมประชุมสมัชชาใหญ่องค์การสหประชาชาติในปีนี้เป็นปีสุดท้าย โดยในการขึ้นกล่าวเมื่อวันอังคาร (20 ก.ย.) ผู้นำสหรัฐฯได้ประกาศเรียกร้องให้ 50 ประเทศทั่วโลก ช่วยแก้ปัญหาวิกฤตผู้อพยพซีเรียหนีภัยสงครามเข้าสู่ยุโรปด้วยการร่วมแบ่งเบารับผู้อพยพจำนวน 360,000 คน ภายในสิ้นปี 2016 ในขณะเดียวกัน ในวันพุธ (21 ก.ย.) ประธานาธิบดียูเครน เปโตร โปโรเชนโก ประกาศกลางที่ประชุมทั่วโลก “รัสเซียโกหกอย่างร้ายกาจหนักกว่าเมื่อครั้งเป็นอดีตสหภาพโซเวียต” และยังอ้างว่า ประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน ใช้ไฮบริดวอร์แฟร์ เพื่อทำให้โลกไม่สงบ
BBC สื่ออังกฤษรายงานว่า ในการขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ครั้งที่ 8 และเป็นครั้งสุดท้ายของประธานาธิบดีสหรัฐฯ บารัค โอบามา กลางที่ประชุมใหญ่ยูเอ็นในวันอังคาร (20 ก.ย.) เรียกร้องให้ชาติสมาชิกองค์การสหประชาติร่วมใจในการรับผู้อพยพจากประเทศเกิดสงครามจำนวน 360,000 คน ภายในสิ้นปีนี้ โดยเฉพาะเยอรมนี และแคนาดา ที่ต่างได้ประกาศจะยอมรับผู้อพยพเพิ่มเป็น 2 เท่าของปีที่ผ่านมา
ผู้นำสหรัฐฯกล่าวว่า “ในขณะนี้เรากำลังเผชิญหน้ากับภารกิจที่ท้าทายว่าด้วยปัญหาการจัดสรร” ซึ่งยูเอ็นได้ประกาศว่า มีผู้อพยพจำนวน 21 ล้านคน ถูกภัยสงครามบังคับให้ต้องอพยพออกจากบ้านเรือนของตนเอง และพบว่า มีประชาชนจำนวนมากถึง 6 ล้านคน ต้องพลัดที่อยู่จากสงครามกลางเมืองซีเรียที่ยาวนานยืดเยื้อถึง 6 ปี ในขณะที่อีก 4 ล้านคนได้หลบหนีออกนอกประเทศ
“เราไม่สามารถละสายตา หรือหันหลังให้ ซึ่งการที่ต้องปิดประตูใส่หน้าต่อครอบครัวผู้อพยพเหล่านี้เสมือนการที่เราต้องทรยศต่อจิตวิญญาณของตัวเอง” โอบามาแถลง
ทั้งนี้ สหรัฐฯยอมตอบรับที่จะรับผู้อพยพเพิ่มเติมอีก 110,000 คน ในปีงบประมาณ 2017 ที่จะเริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม เทียบกับจำนวนผู้อพยพจำนวน 85,000 คน ที่คาดว่าจะรับเข้ามาภายในสิ้นเดือนกันยายนนี้
และในการขึ้นแถลงครั้งสุดท้ายของโอบามา ยังรวมไปถึงการร้องขอให้ชาติสมาชิกต่าง ๆ เพิ่มการบริจาคเงินสนับสนุนให้กับองค์การสหประชาชาติ และกลุ่มสิทธิมนุษยชนต่าง ๆ ราว 4.5 พันล้านดอลลาร์ ในตลอดปี 2015 ซึ่งบรรดาชาติสมาชิกที่เข้าร่วมต่างประกาศที่จะให้เงินช่วยเหลือการอุดหนุนการศึกษาแก่เด็กผู้ลี้ภัย และช่วยให้ผู้ลี้ภัยจำนวนอย่างน้อย 1 ล้านคน มีงานทำ
นอกจากนี้ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ยังเรียกร้องต่อว่า “ร่วมกัน ในขณะนี้ พวกเราต้องเปิดใจ และลงมือทำมากกว่านี้เพื่อผู้อพยพทั้งหลายที่ต้องการที่อยู่อาศัย” และถึงแม้ว่าโอบามาจะไม่กล่าวโดยตรงไปถึงสหรัฐฯ แต่ผู้นำสหรัฐฯยังกล่าวโดยชี้ว่า ประเทศร่ำรวยที่มีพร้อมด้านทรัพยากรเห็นควรจะช่วยเหลือมากขึ้น
ทั้งนี้ เวทีการประชุมองค์การสหประชาชาติยังกลายเป็นเวทีสำหรับผู้นำชาติต่าง ๆ ขึ้นมากล่าววาทะทางการเมือง โดยรอยเตอร์รายงานวันนี้ (22 ก.ย.) ว่า เมื่อวานนี้ (21 ก.ย.) ประธานาธิบดียูเครน เปโตร โปโรเชนโก ได้ใช้โอกาสในการขึ้นกล่าวสุนทรพจน์กับผู้นำชาติต่าง ๆ ทั่วโลก กล่าวถึงความขัดแย้งระหว่างยูเครน และรัสเซีย โดย เชฟเชนโก ระบุว่า “รัสเซียโกหกอย่างร้ายกาจหนักกว่าเมื่อครั้งเป็นอดีตสหภาพโซเวียต”
ซึ่งผู้นำยูเครน ระบุว่า “รัสเซียทั้งโกหกและควบคุม” มากเสียยิ่งกว่าในสมัยสงครามเย็นที่แม้แต่อดีตสหภาพโซเวียตยังไม่กล้าแม้แต่จะคิด
และนอกจากนี้ ในโอกาสนี้โปโรเชนโกยังประณามเลยไปถึงประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน ที่เขาอ้างว่า “ได้แอบใช้กลยุทธ์สงครามไฮบริดวอร์แฟร์” เพื่อทำร้ายเสถียรภาพของโลก
เปโตร โปโรเชนโก กล่าวต่อว่า “ในตลอดช่วงปีที่ผ่านมา การใช้ยุทธวิธีไฮบริดวอร์แฟร์นับวันมีแต่จะขยายตัวมากขึ้น ที่ทั้งทั่วยุโรป และเลยไปถึงอเมริกา และไกลกว่านั้นเห็นเป็นประจักษ์” ซึ่งผู้นำเคียฟ ระบุว่า รัสเซียใช้ทั้งการกดดันทางเศรษฐกิจ สงครามทางจิตวิทยา รวมไปถึงการแทรกแซงระบบการเลือกตั้ง การใช้ความได้เปรียบทางเศรษฐกิจ ปฏิบัติการลับทางทหาร การโจมตีทางไซเบอร์ และการใช้กระบวนทางการการทูตที่ผิดไปจากปกติ ซึ่งทุกสิ่งที่กล่าวมานี้คือกระบวนการแห่งสงครามที่ไม่ได้ประกาศอย่างเปิดเผย”
แต่อย่างไรก็ตาม ผู้นำยูเครนถูกตำหนิเช่นกัน ซึ่งรวมถึงมาจากฝรั่งเศสและเยอรมนี 2 ประเทศตัวกลางในการนำสนธิสัญญามินส์ก ซึ่งทั้งฝรั่งเศสและเยอรมนีได้ร้องขอให้ยูเครนยอมลงมือทำมากกว่านี้เพื่อให้บรรลุตามข้อตกลงในส่วนของยูเครน