จีน-มะกันร่วมมือจัดการโสมแดง ลุยตรวจสอบธุรกิจหนุนนิวเคลียร์

รอยเตอร์ – ผู้นำสหรัฐฯ-จีน ได้ตกลงกระชับความร่วมมือในคณะมนตรีความมั่นคงแห่งยูเอ็น รวมถึงช่องทางบังคับใช้กฎหมาย เพื่อจัดการกับเกาหลีเหนือที่ยังคงท้าทายด้วยการทดสอบนิวเคลียร์ไม่หยุดหย่อน นอกจากนี้สองประเทศยังเตรียมลงดาบกลุ่มกิจการของแกนนำพรรคคอมมิวนิสต์แดนมังกรหลายคน ที่วอชิงตันเชื่อว่ามีส่วนอุดหนุนโครงการนิวเคลียร์โสมแดง

นักการทูตในสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ระบุเมื่อวันจันทร์ (19) ว่า จีนและสหรัฐฯ เริ่มหารือความเป็นไปได้เกี่ยวกับมติลงโทษของยูเอ็นเพื่อตอบโต้การทดสอบนิวเคลียร์ครั้งที่ 5 ของเกาหลีเหนือเมื่อต้นเดือน อย่างไรก็ตาม จีนยังไม่ได้ระบุชัดเจนว่าจะสนับสนุนมาตรการลงโทษที่แข็งกร้าวขึ้นหรือไม่

ประธานาธิบดี บารัค โอบามา ของสหรัฐฯ พบกับนายกรัฐมนตรี หลี่ เค่อเฉียง ของจีนเมื่อวันจันทร์ ระหว่างการหารือนอกรอบในการประชุมสมัชชาใหญ่ยูเอ็นที่นิวยอร์ก

แถลงการณ์ของทำเนียบขาวระบุว่า ผู้นำทั้งคู่ประณามการทดสอบนิวเคลียร์ของเปียงยางเมื่อวันที่ 9 กันยายนที่ผ่านมา และตกลงที่จะร่วมมือกันเพื่อทำให้คาบสมุทรเกาหลีเป็นเขตปลอดนิวเคลียร์ ซึ่งรวมถึงด้วยการกระชับความร่วมมือในคณะมนตรีความมั่นคงแห่งยูเอ็น และในช่องทางการบังคับใช้กฎหมายกับเกาหลีเหนือ

แม้เป็นผู้สนับสนุนทางการทูตสำคัญที่สุดและคู่ค้ารายใหญ่สุดของเกาหลีเหนือ แต่จีนเริ่มหมดความอดทนกับการทดสอบนิวเคลียร์และขีปนาวุธซ้ำแล้วซ้ำเล่าของเปียงยาง และตัดสินใจลงนามเพื่อเพิ่มมาตรการลงโทษของยูเอ็นต่อเกาหลีเหนือ ถึงกระนั้นจีนก็ระบุไม่เชื่อว่ามาตรการเหล่านี้จะเป็นคำตอบสุดท้าย พร้อมเรียกร้องให้ฟื้นการเจรจากับเกาหลีเหนือ

ก่อนหน้านี้ หวัง อี้ รัฐมนตรีต่างประเทศจีน ยังบอกกับรัฐมนตรีต่างประเทศญี่ปุ่นว่า จีนคัดค้านมาตรการลงโทษฝ่ายเดียวที่ “ไร้ประโยชน์” แต่จะร่วมกับยูเอ็นเพื่อหาทางจัดการกับเปียงยาง

ด้านวอชิงตันพยายามกดดันตลอดมาให้ปักกิ่งเพิ่มความพยายามในการควบคุมเปียงยาง ทั้งยังประกาศว่าพร้อมเจรจาหากเกาหลีเหนือให้สัญญาจะทำลายอาวุธนิวเคลียร์ แต่เปียงยางปฏิเสธข้อเสนอนี้โดยสิ้นเชิง

ขณะเดียวกัน หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัลรายงานว่า กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ กำลังเตรียมการเพื่อประกาศมาตรการทางกฎหมายกับบริษัทจีนหลายแห่ง ที่ต้องสงสัยว่าให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่เปียงยาง

รายงานระบุว่า อัยการของกระทรวงยุติธรรมแดนอินทรีบินไปปักกิ่งสองครั้งเมื่อเดือนที่แล้ว เพื่อแจ้งกระทรวงยุติธรรมจีนเกี่ยวกับกิจกรรมผิดกฎหมายต้องสงสัยของ "เหลียวหนิง หงเซียง อินดัสเทรียล"

ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา สำนักงานตำรวจมณฑลเหลียวหนิงที่อยู่บริเวณชายแดนด้านตะวันออกเฉียงเหนือของจีน เปิดเผยว่า กำลังสอบสวนหาความเกี่ยวข้องระยะยาวต่อ “อาชญากรรมทางเศรษฐกิจขั้นร้ายแรง” ของบริษัท เหลียวหนิง หงเซียง

รายงานจากสถาบันอาซานเพื่อการศึกษาด้านนโยบายในโซล และ C4ADS ในวอชิงตันระบุว่า ค้นพบการค้ามูลค่ากว่า 500 ล้านดอลลาร์ นับจากเดือนมกราคม 2011 ถึงเดือนกันยายน 2015 ระหว่างเกาหลีเหนือกับ "เหลียวหนิง หงเซียง กรุ๊ป" ที่ระบุบนเว็บไซต์ของบริษัทว่า ได้ทำการค้าจำนวนมากกับเปียงยาง

ตัวเลขดังกล่าวครอบคลุมการนำเข้าจากเกาหลีเหนือมูลค่า 360 ล้านดอลลาร์โดยบริษัท "ตานตง หงเซียง อินดัสเทรียล ดิเวลอปเมนต์" ผู้ค้าส่งเครื่องจักรกลและอุปกรณ์อุตสาหกรรมในเครือบริษัท "เหลียวหนิง หงเซียง"

วอลล์สตรีท เจอร์นัลระบุว่า แม้ยังไม่มีการพิจารณาเกี่ยวกับจุดหมายปลายทางสุดท้ายของเงินทุนเหล่านี้ แต่การค้าที่เกิดขึ้นมีมูลค่าสูงในระดับที่ต้องจับตา เนื่องจากมากเกือบถึงขนาดอุดหนุนทั้งโรงงานเพิ่มความเข้มข้นของยูเรเนียม ตลอดจนถึงการออกแบบ ผลิต และทดสอบอาวุธนิวเคลียร์

สื่อเมืองลุงแซมสำทับว่า ทรัพย์สินบางส่วนที่เกี่ยวข้องกับบริษัทและผู้ก่อตั้ง "หม่า เซียวหง" กับผู้บริหารระดับสูง รวมทั้งญาติและพนักงานบางคน ถูกทางการจีนอายัดไว้ตั้งแต่เมื่อหลายสัปดาห์ก่อน

รายงานของอาซานยังระบุว่า การค้าขายสินค้าของเหลียวหนิง ที่อาจเข้าข่ายผลิตภัณฑ์ทางทหารและผลิตภัณฑ์นิวเคลียร์ที่ใช้ได้สองทางภายใต้ข้อจำกัดการส่งออกของอเมริกา เป็นประเด็นที่น่ากังวลอย่างยิ่ง เนื่องจากผลิตภัณฑ์ดังกล่าวสามารถนำไปใช้ในโครงการนิวเคลียร์ โดยเฉพาะโครงการเพิ่มความเข้มข้นของยูเรเนียมได้

วอลล์สตรีท เจอร์นัลทิ้งท้ายว่า บริษัทที่ถูกกล่าวถึงเหล่านี้ทำธุรกิจกับนิติบุคคลเกาหลีเหนือที่ถูกแซงก์ชัน

อย่างไรก็ดี ตัวแทนของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ รัฐบาลจีน ตลอดจนถึง เหลียวหนิง หงเซียง อินดัสเทรียล ไม่ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับรายงานข่าวนี้แต่อย่างใด

เหลียวหนิง หงเซียง กรุ๊ป ยังเกี่ยวข้องกับการขนส่งสินค้าที่เกี่ยวพันกับเกาหลีเหนือ โดยหม่าและบุคคลอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มกิจการนี้ เป็นเจ้าของและดำเนินการเรือขนส่งสินค้า 10 ลำที่เดินทางระหว่างเกาหลีเหนือและจีนเป็นประจำ