เอเจนซีส์ / MGR online - ประธานาธิบดี ไมตรีพาลา ศิริเสนา ผู้นำศรีลังกาออกโรงในวันอาทิตย์ (4 ก.ย.) ขอเวลาเพิ่มเติมในการไกล่เกลี่ยความขัดแย้งทางเชื้อชาติในประเทศ หลังจากที่สงครามกลางเมืองกับกลุ่มกบฏทมิฬอีแลม ที่คร่าชีวิตผู้คนในประเทศนี้ไปมากกว่า 100,000 ราย ได้รูดม่านปิดฉากมานานกว่า 7 ขวบปี
ประธานาธิบดี ไมตรีพาลา ศิริเสนา ผู้นำศรีลังกาออกโรงเรียกร้องเรื่องดังกล่าวระหว่างการพบหารือกับบัน คี-มูน เลขาธิการใหญ่องค์การสหประชาชาติ ในวันพฤหัสบดี (1 ก.ย.) ที่ผ่านมา โดยผู้นำศรีลังกาวอนขอเวลาเพิ่มเติมในการจัดการกับความขัดแย้งทางเชื้อชาติภายในประเทศของตน และว่ารัฐบาลของตนที่เพิ่งก้าวขึ้นครองอำนาจเมื่อเดือนมกราคมปีที่แล้วยังคงยึดมั่นในคำมั่นสัญญาว่าด้วยการสร้างสันติภาพที่ยั่งยืน และสร้างความเป็นเอกภาพทางเชื้อชาติ
“ผมได้บอกกับท่านเลขาธิการสหประชาชาติว่าอย่าเพิ่งรีบร้อน ขอให้อดทน และให้เวลาแก่ผมเพิ่มเติมในการฟื้นฟูประเทศ ซึ่งท่านก็ได้ตอบกลับมาพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้าว่า ขอให้ผมเดินหน้าทำงานของผมต่อไป” ผู้นำศรีลังกากล่าว
ทั้งนี้ รัฐบาลศรีลังกาชุดก่อนหน้านี้ ภายใต้การนำของประธานาธิบดี มหินทา ราชปักษา ถูกแบนจากนานาชาติ หลังยืนยันว่าไม่มีพลเรือนแม้แต่รายเดียวที่ถูกทหารของเขาสังหารระหว่างการทำสงครามกับกลุ่มกบฏทมิฬอีแลม พร้อมทั้งปฏิเสธที่จะเปิดการไต่สวนต่อข้อกล่าวหาที่ว่า การกวาดล้างกลุ่มกบฏทมิฬอีแลมขั้นเด็ดขาดของกองทัพศรีลังกาเมื่อปี 2009 ส่งผลต่อชีวิตของพลเรือนที่เป็นชนกลุ่มน้อยเชื้อสายทมิฬสูงถึง 40,000 ราย ขณะที่สงครามกลางเมืองของศรีลังกาที่ปะทุขึ้นในระหว่างปี ค.ศ.1972- 2009 ได้คร่าชีวิตผู้คนในประเทศนี้ไปมากกว่า 100,000 ราย
เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา ประธานาธิบดี ไมตรีพาลา ศิริเสนา ประกาศให้คำมั่นจะจัดหาที่ดินของรัฐมอบให้แก่ผู้ได้รับผลกระทบจากสงครามกลางเมืองที่ไม่สามารถเดินทางกลับไปใช้ชีวิตยังถิ่นฐานบ้านเดิมของตนได้ ทั้งในกรณีของผู้ที่บ้านหลังเดิมถูกทำลายจากผลของการสู้รบ กับผู้ที่ถิ่นฐานเดิมยังคงตกอยู่ภายใต้การยึดครองของกองทัพ นอกจากนั้น ผู้นำศรีลังกายังประกาศจะเดินหน้าไต่สวนหาตัวผู้กระทำความผิดมารับโทษตามกฏหมายกรณีการกวาดล้างพลเรือนจำนวนหลายหมื่นคนในช่วงท้ายของสงครามกลางเมืองเมื่อปี 2009