เอเจนซีส์ - รัฐบาลฝ่ายซ้ายของเวเนซุเอลา เอกวาดอร์ และโบลิเวีย มีคำสั่งเรียกทูตกลับจากกรุงบราซิเลียทันที หลังจากประธานาธิบดี ดิลมา รุสเซฟฟ์ แห่งบราซิล ถูกวุฒิสภาลงมติถอดถอนอย่างเป็นทางการเมื่อวานนี้ (31 ส.ค.) โดยประธานาธิบดี ราฟาเอล คอร์เรีย แห่งเอกวาดอร์นั้นถึงกับติเตียนมติของวุฒิสภาแซมบ้าว่าเป็นเพียง “ข้ออ้างเพื่อล่วงละเมิดและก่อกบฏ”
กลุ่มความร่วมมือ ALBA ซึ่งมีเวเนซุเอลาเป็นผู้นำรัฐสมาชิกในละตินอเมริกา 11 ประเทศ ได้แถลงประณามสิ่งที่พวกเขาเรียกว่า “การรัฐประหารโดยรัฐสภา”
อย่างไรก็ดี เพื่อนบ้านอื่นๆ ของบราซิล เช่น อาร์เจนตินา ชิลี และปารากวัย ยืนยันว่าจะ “เคารพ” การตัดสินใจของวุฒิสภาบราซิล
ชิลีแสดงความ “เชื่อมั่นว่าบราซิลจะสามารถแก้ไขปัญหาต่างๆ ผ่านสถาบันประชาธิปไตย”
วุฒิสภามีมติ 61-20 เสียงตัดสินว่า รุสเซฟฟ์ วัย 68 ปี ได้กระทำผิดกฎหมายโดยการนำเงินจากธนาคารของรัฐไปอุดรูรั่วด้านงบประมาณในปี 2014 ทำให้ช่วงเวลา 13 ปีที่พรรคแรงงาน (PT) ฝ่ายซ้ายได้ปกครองชาติเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดของละตินอเมริกาต้องสิ้นสุดลง
กระทรวงการต่างประเทศเวเนซุเอลาแถลงว่า รัฐบาลการากัส “ตัดสินใจถอนเอกอัครราชทูต” ออกจากบราซิล “และจะระงับความสัมพันธ์ทั้งในด้านการเมืองและการทูตกับรัฐบาลชุดใหม่ที่มาจากการก่อรัฐประหารโดยรัฐสภาครั้งนี้”
ไม่กี่ชั่วโมงต่อมา บราซิลก็ประกาศเรียกทูตของตนกลับจากเวเนซุเอลาเช่นกัน
กระทรวงการต่างประเทศบราซิลยังแสดงความเสียใจที่ได้ยิน “คำแถลงที่แสดงถึงความเข้าใจคลาดเคลื่อน” จากรัฐบาลโบลิเวีย เอกวาดอร์ และคิวบา
การที่ รุสเซฟฟ์ หลุดจากตำแหน่งทำให้เวเนซุเอลาและประเทศใกล้เคียงที่ปกครองด้วยรัฐบาลฝ่ายซ้ายต้องขาดพันธมิตรสำคัญไปอีกหนึ่ง
ประธานาธิบดี นิโคลัส มาดูโร แห่งเวเนซุเอลา ระบุว่า เหตุที่ต้องเรียกทูตกลับเพราะบราซิล “กำลังมีรัฐบาลที่มาจากการช่วงชิงอำนาจ และไม่ได้ผ่านการเลือกตั้ง” และตนได้โทรศัพท์พูดคุยกับ รุสเซฟฟ์ แล้ว
มาดูโร กล่าวด้วยว่า กระบวนการกำจัด รุสเซฟฟ์ ครั้งนี้เป็นแผนการของสหรัฐฯ ซึ่งกำลังเดินหน้า “รุกรานภาคพื้นทวีป” (continental offensive)
มาดูโร พยายามนำเรื่องการถอดถอนผู้นำหญิงบราซิลมาเชื่อมโยงกับปัญหาที่ตนเองเผชิญอยู่ เนื่องจากสภาแห่งชาติที่ฝ่ายค้านเวเนซุเอลาครองเสียงข้างมากก็พยายามใช้กลไกประชามติปลด มาดูโร ออกจากตำแหน่งเช่นกัน
ด้านประธานาธิบดี คอร์เรีย แห่งเอกวาดอร์ ก็ใช้สื่อทวิตเตอร์ระบายความคั่งแค้น
“เราจะไม่มีวันให้อภัยการกระทำเช่นนี้ ซึ่งทำให้นึกถึงเมื่อครั้งที่อเมริกาตกอยู่ในความมืดมนที่สุด” เขากล่าว โดยมีนัยยะถึงการปกครองด้วยระบอบเผด็จการทหารในอดีต
ประธานาธิบดี อีโว โมราเลส แห่งโบลิเวีย ก็ได้โพสต์ทวิตเตอร์ประณาม “การก่อรัฐประหารโดยรัฐสภาเพื่อทำลายระบอบประชาธิปไตยในบราซิล”
“เราจะยืนหยัดเคียงข้าง ดิลมา, ลุลา (อดีตประธานาธิบดี ลูอิซ อินาซิโอ ลุลา ดา ซิลวา ซึ่งโดนข้อหาคอร์รัปชัน) และประชาชนชาวบราซิล ในเวลาที่ยากลำบากนี้” โมราเลส กล่าว