เอเอฟพี/MGRออนไลน์ - โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครที่พรรครีพับลิกันส่งเข้าชิงทำเนียบขาว กล่าวยืนยันนโยบายผู้อพยพอันแข็งกร้าวของเขาในวันเสาร์ (27 ส.ค.) โดยบอกว่าจะเริ่มต้นเนรเทศพวกที่พำนักอยู่ในสหรัฐฯอย่างผิดกฎหมาย ในทันทีที่เขาเข้ารับตำแหน่ง
ขณะเดียวกัน ทรัมป์ยังพยายามเดินหน้าจีบผู้ออกเสียงชาวผิวดำต่อไป โดยรีบอวดอ้างว่า กรณีที่ลูกพี่ลูกน้องของดาราบาสเกตบอล ดเวน เหว็ด ถูกลูกหลงจากการยิงกันจนเสียชีวิตนั้น จะทำให้ชาวอเมริกันเชื้อสายแอฟริกันพากันสนับสนุนเขา แต่ปรากฏว่า “มุก” นี้กลับถูกวิพากษ์วิจารณ์เละเทะ
“ตั้งแต่วันแรก (ที่เข้าดำรงตำแหน่ง) ผมจะเริ่มต้นการโยกย้ายพวกผู้อพยพผิดกฎหมายอาญาออกไปจากประเทศนี้ รวมทั้งโยกย้ายพวกผู้อพยพผิดกฎหมายอาญาหลายแสนคน ซึ่งคณะบริหารโอบามา - คลินตัน ปลดปล่อยให้เข้าสู่ชุมชนต่าง ๆ ของสหรัฐฯ” ทรัมป์ กล่าวเช่นนี้ขณะปราศรัยหาเสียงต่อพวกผูสนับสนุนในเมืองดิมอยน์ มลรัฐไอโอวา
ฮิลลารี คลินตัน ผู้สมัครของพรรคเดโมแครต ซึ่งเป็นคู่แข่งคนสำคัญที่สุดของทรัมป์ เวลานี้ไม่ได้ดำรงตำแหน่งใด ๆ ในคณะบริหารชุดปัจจุบันของประธานาธิบดี บารัค โอบามา แต่เคยเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศในคณะบริหารชุดแรกของโอบามา สำหรับประธานาธิบดีสหรัฐฯคนต่อไป ซึ่งกำหนดเลือกตั้งกันในวันที่ 8 พฤศจิกายนนี้ และจะสาบานตัวเข้ารับตำแหน่งในวันที่ 20 มกราคม ปีหน้า
“ผมจะสร้างกำแพงมหึมาตรงชายแดน, ทำให้ “อี-เวอริฟาย” (การตรวจสอบยืนยันผ่านทางออนไลน์) กลายเป็นระบบที่ใช้งานได้ทั่วประเทศ, หยุดยั้งไม่ให้พวกผู้อพยพผิดกฎหมายสามารถเข้าถึงสวัสดิการตลอดจนหยุดยั้งไม่ให้พวกเขาได้รับสิทธิต่าง ๆ และพัฒนาระบบเฝ้าติดตามการออก - การเข้าประเทศ เพื่อให้มั่นใจได้ว่าพวกที่อยู่เกิน กำหนดอนุญาตตามวีซ่าเข้าประเทศของพวกเขา จะถูกโยกย้ายออกไปโดยเร็ว” ทรัมป์บอก
เจ้าพ่อสังหาริมทรัพย์ผู้นี้ กล่าวว่า “ถ้าเราไม่บังคับให้เป็นไปตามวันหมดอายุวีซาแล้ว ก็เท่ากับเราเปิดชายแดนอ้าซ่า เรื่องมันง่าย ๆ อย่างนี้แหละ” พร้อมกับโจมตีคู่แข่งว่า ถ้าโหวตให้ตัวเขา ก็คือ โหวตให้ประเทศชาติที่มีตัวบทกฎหมายหมาย ถ้าโหวตให้คลินตัน คือโหวตให้เปิดชายแดนอ้าซ่า
อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ยังไม่ค่อยได้แจกแจงรายละเอียดเกี่ยวกับนโยบายผู้อพยพของเขาเท่าใดนัก และยังคงรณรงค์หาความสนับสนุนโดยใช้น้ำเสียงแบบแข็งกร้าวที่เขาใช้มาตั้งแต่แรก ๆ และก่อให้เกิดการโต้แย้งดังอึงมี่
เวลานี้มีรายงานว่า ที่ปรึกษาของเขาบางคนกำลังเร่งเร้าให้เขาลดน้ำเสียงก้าวร้าวในนโยบายเรื่องนี้ ที่ถือเป็น “ทีเด็ด” ประจำตัวของเขาลงมา เพื่อหาทางดึงคะแนนเสียงจากกลุ่มชาวอเมริกันอื่น ๆ ให้กว้างขวางขึ้นกว่าเดิม โดยเฉพาะอย่าง ผู้ออกเสียงชาวอเมริกันที่พูดภาษาสเปน หรือ ฮิสปานิก
ขณะเดียวกัน ในการปราศรัยของเขาคราวนี้ ทรัมป์ยังพยายามตามจีบผู้ออกเสียงชาวผิวดำต่อไป โดยบอกว่านโยบายของเขาจะช่วยเหลือชาวอเมริกันเชื้อสายแอฟริกันในเรื่องการหางานทำ
“ทุก ๆ ครั้งที่พลเมืองชาวอเมริกันเชื้อสายแอฟริกัน หรือพลเมืองอเมริกันคนไหนก็แล้วแต่ ต้องสูญเสียงานของพวกเขาให้แก่ผู้อพยพผิดกฎหมาย สิทธิของพลเมืองชาวอเมริกันก็กำลังถูกล่วงละเมิดอย่างสิ้นเชิง” เขาบอก
หลายชั่วโมงก่อนหน้านั้น หลังจากมีรายงานข่าวว่า ไนเคีย อัลดริดจ์ ลูกพี่ลูกน้องของ ดเวน เหว็ด นักบาสเกตบอลชื่อก้อง ถูกลูกหลงจากการยิงต่อสู้กันระหว่างชาย 2 คน และเสียชีวิตไป ขณะที่เธอเข็นรถเข็นเด็กทารกผู้หนึ่งที่เมืองชิคาโก เมื่อวันศุกร์ (26) ทรัมป์ก็ทวีตข่าวเรื่องนี้ในตอนเช้าวันเสาร์ (27) พร้อมกับบอกว่า “อย่างที่ผมกำลังพูดเรื่อย ๆ ชาวอเมริกันแอฟริกันจะโหวตให้ทรัมป์”
ทว่า ปรากฏว่า เขาพิมพ์ชื่อต้นของ เหว็ด ผิด ในเวลาต่อมา ทรัมป์ จึงแก้ไขชื่อให้ถูกต้อง โดยปิดปากเงียบไม่แสดงความเห็นตอบโต้อะไร ในการที่มีบุคคลจำนวนมากทวีตวิพากษ์โจมตีเขาว่า ทรัมป์มุ่งหวังแต่จะหาคะแนน ถึงขนาดแสดงความชื่นชมยินดีให้กับตัวเองว่าคาดการณ์ได้ถูกต้อง แต่ไม่ได้รู้สึกเห็นอกเห็นใจเหยื่อผู้ประสบเคราะห์หรือครอบครัวของเธอเลย
เวลาผ่านไปหลายชั่วโมงหลังจากที่เขาทวีตครั้งแรกในเรื่องนี้ ทรัมป์จึงได้ทวีตแสดงความเสียใจร่วมกับ ดเวน เหว็ด และครอบครัว