รอยเตอร์ - ผู้บริหารระดับสูงของกลุ่มบริษัทยักษ์ใหญ่ “ล็อตเต้ กรุ๊ป” ในเกาหลีใต้ ถูกพบกลายเป็นศพในวันนี้ (26 ส.ค.) โดยตำรวจสันนิษฐานเบื้องต้นว่าเป็นการปลิดชีพตนเอง เพียงไม่กี่ชั่วโมงก่อนที่ผู้ตายจะถูกอัยการเรียกไปสอบสวนเพื่อขยายผลคดีทุจริตภายในอาณาจักรธุรกิจแห่งนี้
ล็อตเต้ กรุ๊ป ได้ส่งข้อความถึงสื่อมวลชน ยืนยันข่าวการเสียชีวิตของรองประธาน ลี อิน-วอน ตามที่ตำรวจและแหล่งข่าวอื่นๆ ออกมาเปิดเผยก่อนหน้า แต่ยังปฏิเสธที่จะให้รายละเอียดเพิ่มเติม หรือระบุสาเหตุการเสียชีวิต
สำนักข่าวยอนฮัปของเกาหลีใต้อ้างแหล่งข่าวซึ่งระบุว่า มีผู้พบศพซึ่งเชื่อว่าเป็น ลี อิน-วอน อยู่บนทางเท้าบนถนนชานกรุงโซลเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา (26) ขณะที่ตำรวจพบจดหมายลาตายอยู่ภายในรถยนต์ของผู้บริหารรายนี้
อัยการเกาหลีใต้ได้บุกตรวจค้นสำนักงานของล็อตเต้เมื่อเดือน มิ.ย. เพื่อตรวจสอบเรื่องเงินทุนที่ใช้ติดสินบนเจ้าหน้าที่รัฐ รวมถึงการละเมิดต่อความรับผิดชอบ (breach of trust) ที่เชื่อมโยงถึงธุรกรรมการเงินภายในบริษัท
ลี วัย 69 ปี ถูกนัดหมายเข้าไปให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนเช้าวันนี้ (26)
พัค จู-กุน ผู้บริหารบริษัทประเมินสถานการณ์ทางธุรกิจ CEO Score ระบุว่า การตายของลีอาจส่งผลกระทบต่อการทำงานของอัยการ
“สถานะของลีภายในล็อตเต้นั้นมีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าคนในครอบครัวเจ้าของบริษัทเอง” เขากล่าว
ลี อิน-วอน เริ่มทำงานกับล็อตเต้ในปี 1973 และเป็นมือขวาคนสนิทของประธาน ชิน ดง-บิน ซึ่งเมื่อปีที่แล้วตกเป็นข่าวอื้อฉาวเรื่องความบาดหมางกับ ชิน ดง-จู พี่ชายแท้ๆ ซึ่งอ้างว่าตนมีสิทธิโดยชอบธรรมที่จะสืบทอดอำนาจบริหารต่อจาก ชิน คย็อก-โฮ บิดาผู้ก่อตั้งบริษัท วัย 94 ปี
ล็อตเต้ กรุ๊ป แถลงว่า ลี “รับหน้าที่ดูแลกิจการหลักๆ ของล็อตเต้ และยังเป็นผู้ช่วยคนสนิทที่เข้าใจความต้องการของประธานสูงสุด ชิน คย็อก-โฮ และประธาน ชิน ดง-บิน ในการขับเคลื่อนธุรกิจในเครือให้เป็นไปด้วยดี” ทั้งยังมีบทบาทในการแสวงหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ให้แก่บริษัทด้วย
“รองประธานลีเน้นย้ำเสมอให้ปลูกฝังจริยธรรมแก่พนักงานล็อตเต้ เพราะเขาเชื่อว่าจริยธรรมในการทำธุรกิจนั้น ย่อมจะยกระดับคุณค่าของบริษัท”
ล็อตเต้เป็นกลุ่มธุรกิจใหญ่อันดับ 5 ของเกาหลีใต้ มีกิจการครอบคลุมหลายประเภท ตั้งแต่โรงแรม ธุรกิจค้าปลีก เรื่อยไปจนถึงเคมีภัณฑ์
การสอบสวนคดีทุจริตส่งผลให้ล็อตเต้ต้องประกาศเลื่อนการขายหุ้นไอพีโอธุรกิจโรงแรมในปีนี้ออกไปอย่างไม่มีกำหนด ซึ่งแต่เดิมตั้งเป้าว่าจะระดมทุนได้ถึง 5.7 ล้านล้านวอน (ราว 177,000 ล้านบาท) ซึ่งอาจสูงที่สุดในโลกปีนี้เลยทีเดียว