xs
xsm
sm
md
lg

ข้อมูลชี้ ผู้บริหารบริษัทอาวุธรายใหญ่ ทุ่มทุนหนุน “ฮิลลารี” คว้าชัยเลือกตั้งปธน. หวั่น “นโยบายทรัมป์” กระทบการค้าอาวุธสงคราม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ภาพจากเอเอฟพี
เอเจนซีส์ / MGR online – สื่อดัง “Politico” รายงานในวันพุธ (24 ส.ค.) ระบุ นางฮิลลารี คลินตัน อดีตสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งและอดีตรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ซึ่งเป็นตัวแทนพรรคเดโมแครตในการสู้ศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในปลายปีนี้ ได้รับ “เงินสนับสนุน” จากบรรดาบริษัทยักษ์ใหญ่ ในอุตสาหกรรมการผลิตอาวุธของสหรัฐฯ มากกว่า โดนัลด์ ทรัมป์ มหาเศรษฐีฝีปากกล้าที่เป็นตัวแทนของพรรครีพับลิกัน

รายงานข่าวของสื่อดังกล่าว ซึ่งอ้างอิงเอกสารที่มีการยื่นต่อคณะกรรมการการเลือกตั้งกลางของสหรัฐฯ ระบุว่า โดนัลด์ ทรัมป์ ได้รับเงินสนับสนุน จากผู้บริหารระดับสูงของ 25 บริษัทผู้ผลิตอาวุธรายใหญ่ของอเมริกาเพียง 55,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.9 ล้านบาท) ในขณะที่นางฮิลลารี คลินตันได้รับเงินลักษณะเดียวกันจาก25 บริษัทผู้ผลิตอาวุธรายใหญ่ของอเมริการวม 273,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 9.46ล้านบาท)

ข้อมูลที่ถูกเผยแพร่ออกมาล่าสุด บ่งชี้ถึงปรากฏการณ์ทางการเมืองครั้งสำคัญในสหรัฐฯขณะนี้ ที่บ่งชี้ว่า บรรดาบริษัทผลิตอาวุธชั้นนำของอเมริกาเลือกที่จะ “เปลี่ยนข้าง” หันมาสนับสนุนผู้สมัครจากฝั่งเดโมแครตอย่างฮิลลารี คลินตัน ทั้งๆที่ ในอดีตผู้บริหารในอุตสาหกรรมอาวุธเหล่านี้ เคยเป็นผู้สนับสนุนทางการเงินหลักให้กับผู้สมัครของพรรครีพับลิกันจำนวนถึง 8 ใน 10 คนหลังสุด ในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีเมืองลุงแซม

รายงานข่าวระบุว่า บรรดาบิ๊กบอส ในอุตสาหกรรมด้านความมั่นคงของสหรัฐฯซึ่งนับรวมถึง ผู้บริหารของบริษัทล็อคฮีด มาร์ติน และเจเนอรัล ไดนามิกส์ ที่เป็นคู่สัญญากับกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ (เพนตากอน) ต่างไม่มั่นใจในจุดยืนด้านนโยบายต่างประเทศและความมั่นคงของโดนัลด์ ทรัมป์ ว่า จะส่งผลกระทบอย่างไรต่ออุตสาหกรรมมูลค่ามหาศาลของพวกเขา โดยเฉพาะการที่ทรัมป์ออกโรงวิพากษ์วิจารณ์แบบสาดเสียเทเสียต่อบรรดาชาติพันธมิตรของสหรัฐฯ ในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก รวมถึง สมาชิกองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต)

ด้าน ลินดา ฮัดสัน อดีตผู้อำนวยการประจำสหรัฐอเมริกาของบริษัทผู้ผลิตอาวุธชื่อดังจากสหราชอาณาจักรอย่าง “BAE Systems” ที่เป็นบริษัทคู่สัญญารายใหญ่อันดับที่ 8 ของทางเพนตากอน ออกมาให้ความเห็นว่า หากเปรียบเทียบกันแล้วฮิลลารี คลินตัน ถือว่า มี “มีสายสัมพันธ์ที่ดีเยี่ยม” กับบรรดาบริษัทค้าอาวุธทั้งหลายทั้งจากการทำหน้าที่รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ที่ต้องมีบทบาทโดยตรงเกี่ยวข้องกับสงครามและความขัดแย้งในพื้นที่ต่างๆทั่วโลก รวมถึง การทำหน้าที่ประธานคณะกรรมาธิการด้านอาวุธของวุฒิสภาสหรัฐฯ มาก่อน

ขณะที่แหล่งข่าวที่เป็นพวก “ล็อบบี้ยิสต์”ภายในพรรครีพับลิกันออกมาเปิดเผยว่า เวลานี้ ดูเหมือนผู้มีอำนาจในแวดวงอุตสาหกรรมการผลิตอาวุธจะรู้สึก “สบายใจ”และ “ผ่อนคลาย” ในการเจรจากับผู้คร่ำหวอดในวงการระหว่างประเทศอย่างฮิลลารี คลินตัน มากกว่า โดนัลด์ ทรัมป์ ที่ยังถือเป็น “มือใหม่” ทางด้านการเมืองและความมั่นคงระหว่างประเทศ
ภาพจากเอเอฟพี
ไม่เพียงแต่อุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับการผลิตอาวุธเท่านั้นที่ดูเหมือนจะเทใจหนุนฮิลลารี คลินตันแบบหมดหน้าตัก ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ 2016เพราะก่อนหน้านี้เคยมีนักวิเคราะห์ดังออกมาประเมินว่า ซาอุดีอาระเบียและบรรดาประเทศเศรษฐีน้ำมันอาหรับแถบอ่าวเปอร์เซีย ตั้งความหวังให้นางฮิลลารี คลินตัน ว่าที่ผู้สมัครตัวแทนพรรคเดโมแครตเป็นฝ่ายคว้าชัยชนะเหนือโดนัลด์ ทรัมป์ จากฟากฝั่งรีพับลิกัน ในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ หนนี้ เพราะเป็นที่แน่ชัดว่า การก้าวเข้าสู่ตำแหน่งผู้นำหญิงเมืองลุงแซมของฮิลลารี จะเป็นผลดีและช่วยเอื้อประโยชน์ด้านพลังงานให้แก่บรรดาชาติอาหรับมากกว่า


โรเบิร์ต แม็คนอลลี ประธานบริษัทที่ปรึกษาด้านพลังงาน “Rapidan Group” ซึ่งมีฐานอยู่ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี.ของสหรัฐฯ เป็นผู้ที่ออกมาเปิดเผยประเด็นนี้ต่อสื่อดังอย่าง “ซีเอ็นบีซี” เมื่อ 2 มิ.ย. ระหว่างเดินทางเข้าร่วมสังเกตการณ์การประชุมของสมาชิกโอเปก (Organization of the Petroleum Exporting Countries : OPEC) หรือกลุ่มประเทศผู้ส่งน้ำมันเป็นสินค้าออกรายใหญ่ที่กรุงเวียนนา เมืองหลวงของออสเตรีย


“มันไม่ใช่เรื่องที่เป็นความลับดำมืดอีกต่อไปแล้ว เวลานี้บรรดาผู้มีอำนาจทางการเมือง ทั้งในซาอุดีอาระเบียและรัฐอาหรับแถบอ่าวเปอร์เซีย ต่างสวดภาวนาให้ฮิลลารี คลินตัน ได้เป็นประธานาธิบดีคนต่อไปของอเมริกา เพราะรัฐเศรษฐีน้ำมันฝ่ายสุหนี่เหล่านี้ ไม่ต้องการเผชิญหายนะครั้งใหญ่ จากนโยบายต่างประเทศและพลังงานภายใต้สโลแกน “อเมริกาต้องมาก่อน” ของโดนัลด์ ทรัมป์” แม็คนอลลี กล่าว


ประธานบริษัทที่ปรึกษาด้านพลังงาน Rapidan Group ระบุว่า ไม่มีสมาชิกกลุ่มโอเปกชาติใด โดยเฉพาะในแถบอ่าวเปอร์เซีย ที่ต้องการให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในสหรัฐอเมริกาแบบ “พลิกขั้ว” ภายในชั่วระยะเวลาเพียงแค่ข้ามคืนเพราะการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วที่ว่านี้ จะส่งผลกระทบรุนแรงต่อยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจและการเมืองในแถบอ่าวเปอร์เซีย ที่เต็มไปด้วยดินแดนที่ต้องพึ่งพารายได้จากการส่งออกน้ำมัน ที่มีสัดส่วนมากกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ของรายได้ทั้งหมดของประเทศ


“คำถามหลักที่สมาชิกโอเปกหยิบยกกันมาหารือในเวลานี้ ไม่ใช่คำถามที่ว่า เมื่อใดราคาน้ำมันในตลาดโลกจะผ่านพ้นช่วงขาลงอีกต่อไป เพราะคำถามยอดฮิตที่คาใจผู้มีอำนาจในโอเปกที่สุดในยามนี้ คือ คำถามที่ว่า จะเกิดอะไรขึ้นกับตลาดน้ำมันและประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน หากว่า ชายที่ชื่อ โดนัลด์ ทรัมป์ ได้ก้าวขึ้นเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯคนต่อไป” แม็คนอลลี กล่าวเสริม


ตลอดระยะเวลาการหาเสียงที่ผ่านมา มหาเศรษฐีฝีปากกล้าจากนิวยอร์กอย่างโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ตั้งคำถามมาโดยตลอด ถึงความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐอเมริกากับซาอุดีอาระเบีย ซึ่งทรัมป์เห็นว่า ถึงเวลาแล้วที่สหรัฐฯจะต้องเลิกดำเนินนโยบายต่างประเทศโดยเฉพาะในตะวันออก กลางเพื่อ “เอาอกเอาใจ” ซาอุดีอาระเบีย หวังแลกเปลี่ยนกับผลประโยชน์ด้านพลังงานที่รัฐบาลริยาดห์ จะมอบตอบแทนให้กับวอชิงตัน


ไม่น่าแปลกใจว่า นโยบายของทรัมป์ที่ต้องการให้อเมริกา “เป็นอิสระ” ในด้าน พลังงานและหลุดพ้นจากการพึ่งพาการนำเข้าน้ำมันจากต่างประเทศ จะสร้างความกังวลใจให้กับซาอุดีอาระเบียและรัฐอาหรับย่านอ่าวเปอร์เซียไม่น้อย


ทรัมป์เคยประกาศชัดเจน ระหว่างการหาเสียงที่มลรัฐนอร์ธดาโกต้า ว่า เขาต้องการให้อเมริกาเป็นอิสระอย่างสิ้นเชิงในด้านพลังงาน ทั้งการเลิกนำเข้าน้ำมันจากนอกประเทศ และการหันมาขุดค้นสำรวจแหล่งพลังงานภายในประเทศตัวเองด้วยเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

ในทางกลับกัน เป็นที่ทราบกันดีว่า หัวใจหลักในนโยบายต่างประเทศของนางฮิลลารี คลินตัน อดีตสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง-อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯนั้นยังคงมีซาอุดี อาระเบียและรัฐอาหรับในตะวันออกกลางเป็นแกนกลาง ยังไม่นับรวมกับกลุ่มผลประโยชน์ด้านพลังงานอีกนับไม่ถ้วน ที่มีสายสัมพันธ์ยึดโยงกับอดีตประธานาธิบดีบิล คลินตัน สามีของเธอ ซึ่งเงื่อนไขเหล่านี้ดูจะเป็นผลดีและเป็นที่ต้องการของประเทศผู้ผลิตน้ำมันอาหรับ ที่ไม่ต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลงแบบสุดขั้วในวอชิงตัน หากทรัมป์ได้ครองอำนาจ


“พวกผู้มีอำนาจในซาอุฯและรัฐอาหรับแถบอ่าวเปอร์เซียต่างเชื่อว่า พวกเขาจะสามารถพูดคุยและต่อรองผลประโยชน์ทั้งทางการเมืองและพลังงานกับฮิลลา รีและบิล คลินตันได้ง่ายกว่า การพูดคุยกับทรัมป์” แม็คนอลลี กล่าวทิ้งท้าย




กำลังโหลดความคิดเห็น