รอยเตอร์ /เอเจนซีส์ / MGR online – ข้อมูลล่าสุดชี้ หลายประเทศในยุโรปขณะนี้มียอดขาย “อาวุธปืน” เพิ่มสูงขึ้นจากการที่ประชาชนจำนวนไม่น้อยเริ่มรู้สึกไม่มั่นคงปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของตนเอง หวั่นตกเหยื่อของภัยก่อการร้าย และการก่ออาชญากรรมในรูปแบบต่างๆ โดยฝีมือของบรรดาผู้อพยพชาวมุสลิมที่ไหลบ่าเข้าสู่ยุโรป
ข้อมูลที่รวบรวมโดยรอยเตอร์ระบุว่า ยอดการจำหน่ายอาวุธปืน รวมถึงคำร้องขอในการครอบครองอาวุธในหลายประเทศของยุโรปเพิ่มสูงขึ้นอย่างสำคัญ ในรอบ 1 ขวบปีที่ผ่านมา
รายงานระบุว่า จำนวนผู้ยื่นคำร้องขอจดทะเบียนครอบครองอาวุธปืนได้เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องทั้งในสวิตเซอร์แลนด์ ออสเตรีย และสาธารณรัฐเช็ก ซึ่งเป็นประเทศที่กฏหมาย “เปิดช่อง” ให้ประชาชนสามารถถือครองอาวุธปืนได้
ในขณะที่ในเยอรมนี ซึ่งมีกฏหมายการครอบครองอาวุธปืนที่เข้มงวดมากกว่าและแทบไม่เปิดโอกาสให้พลเรือนได้ถือครองอาวุธปืนได้นั้น มีรายงานว่า ยอดการจำหน่าย “อุปกรณ์ป้องกันตัวที่มิใช่อาวุธปืน” เช่น สเปรย์พริกไทย และเครื่องช็อตกระแสไฟฟ้าแบบพกพา มีจำนวนเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก และติดอันดับสินค้าขายดีในหลายเมืองของประเทศ รวมถึง ในกรุงเบอร์ลิน ที่เป็นเมืองหลวง
ด้านฮันส์เพเทอร์ ครือซี โฆษกสำนักงานตำรวจประจำเขตซังต์ กาลเลน ของสวิตเซอร์แลนด์ ออกมาเปิดเผยว่า ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นมีความเกี่ยวข้องโดยตรงกับเหตุโจมตีโดยผู้ก่อการร้าย รวมถึงปัญหาอาชญากรรมโดยฝีมือของผู้อพยพ ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในหลายพื้นที่ของยุโรปในช่วงก่อนหน้านี้
ในสาธารณรัฐเช็ก มีรายงานว่า ประธานาธิบดีมิลอส เซมัน ซึ่งแต่เดิมมีจุดยืนในการควบคุมอาวุธปืนอย่างแข็งขัน ได้ประกาศผ่อนปรนความเข้มงวดของมาตรการห้ามถือครองอาวุธปืนในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา และเปิดโอกาสให้ประชาชนสามารถซื้อหาอาวุธปืนเพื่อการป้องกันตัวได้ง่ายขึ้น นับตั้งแต่เกิดเหตุโจมตีโดยผู้ก่อการร้ายที่เมืองนีซทางภาคใต้ของฝรั่งเศส จนยอดคำขออนุญาตถือครองอาวุธในสาธารณรัฐเช็ก พุ่งสูงทะลุ 6,000 กระบอกไปแล้ว เฉพาะในช่วงครึ่งแรกของปี 2016 นี้
รายงานล่าสุดระบุด้วยว่า จำนวนใบอนุญาตถือครอง อุปกรณ์ป้องกันตัวแบบพกพา อาทิ สเปรย์พริกไทย และเครื่องช็อตกระแสไฟฟ้า ในเยอรมนีได้เพิ่มสูงขึ้นถึงร้อยละ 49 ในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2016 นี้ เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2015