เอเจนซีส์ / MGR online - เกิดเหตุเพลิงไหม้ศูนย์ผู้อพยพแห่งหนึ่งในแคว้นบาวาเรีย ทางภาคใต้ของเยอรมนี เป็นเหตุให้ศูนย์ผู้อพยพแห่งดังกล่าวได้รับความเสียหายอย่างหนักในวันเสาร์ (20 ส.ค.) เบื้องต้นคาดสาเหตุเกิดจากการวางเพลิง ท่ามกลางกระแสต่อต้านผู้อพยพที่เพิ่มสูงขึ้นในดินแดนที่ได้ชื่อว่ามีเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในยุโรป
รายงานข่าวระบุว่า เหตุเพลิงไหม้ที่คาดว่าจะมีต้นตอมาจาก “การวางเพลิง” ดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงก่อนรุ่งสางตามเวลาท้องถิ่นของเมื่อวันเสาร์ (20) ในพื้นที่เทศบาลเมืองกอสส์ไวน์ชไตน์ ของเขตฟอร์ชไฮม์ โดยต้นเพลิงเกิดจากชั้นล่างของศูนย์ผู้อพยพแห่งนี้ ก่อนที่เพลิงจะลุกลามขึ้นไปยังชั้นอื่นๆ ที่อยู่สูงขึ้นไปอย่างรวดเร็ว
จนถึงขณะนี้ยังไม่มีรายงานการพบผู้เสียชีวิต รวมถึงผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ระทึกขวัญในครั้งนี้แต่อย่างใด
หลังมีการรับแจ้งเหตุเพลิงไหม้ มีรายงานว่ากำลังเจ้าหน้าที่ดับเพลิงที่มีจำนวนกว่า 200 นายได้ถูกระดมเข้ามายังจุดเกิดเหตุเพื่อดับไฟ ท่ามกลางความกังวลว่าตัวอาคารศูนย์ผู้อพยพอาจเกิดการทรุดตัวพังถล่มลงมา
ตลอดระยะเวลาหลายเดือนมานี้เยอรมนีต้องเผชิญกับเหตุวางเพลิงเผาศูนย์ผู้อพยพมาแล้วหลายครั้ง ยังไม่นับรวมกับเหตุเผาศูนย์ผู้อพยพที่สูงถึง 90 ครั้งในปี 2015 ซึ่งหลักฐานของหน่วยงานด้านความมั่นคงของเยอรมนีบ่งชี้ว่า การก่อเหตุโจมตีในลักษณะนี้ส่วนใหญ่เป็นฝีมือของกลุ่มเคลื่อนไหวที่ต่อต้านการไหลบ่าเข้าประเทศของเหล่าผู้อพยพ หลังการประกาศนโยบาย “เปิดประตู” ต้อนรับผู้อพยพจำนวนมากกว่า 1 ล้านคนของนายกรัฐมนตรีหญิง อังเกลา แมร์เคิล
ผลสำรวจความคิดเห็นล่าสุดในเยอรมนีพบว่า ประชากรเมืองเบียร์ส่วนใหญ่ไม่สนับสนุน และไม่เชื่อน้ำยาว่านายกรัฐมนตรีหญิงเหล็ก “อังเกลา แมร์เคิล” จะประสบความสำเร็จในการดำเนินนโยบาย “เปิดประตู” รับผู้อพยพเข้าประเทศ
ผลสำรวจล่าสุดโดยสำนักวิจัย “YouGov” ที่มีการเผยแพร่ในวันที่ 30 ก.ค.ที่ผ่านมา พบข้อมูลที่ระบุกลุ่มตัวอย่างชาวเยอรมันร้อยละ 66 จากจำนวนผู้เข้าร่วมการสำรวจทั้งหมด 1,017 คน ไม่สนับสนุนและไม่เชื่อมั่นในนโยบาย “เปิดประตูรับผู้อพยพเข้าประเทศ” ของนายกรัฐมนตรี อังเกลา แมร์เคิลว่าจะนำมาซึ่งผลลัพธ์ที่ดีและเหมาะสมสำหรับเยอรมนี
ผลสำรวจล่าสุดของ YouGov ที่จัดทำขึ้นโดยการรวบรวมความคิดเห็นของกลุ่มตัวอย่างทั่วเมืองเบียร์ในระหว่างวันที่ 26-29 กรกฎาคมที่ผ่านมา ระบุว่า มีชาวเยอรมันในขณะนี้เพียงร้อยละ 27 เท่านั้นที่สนับสนุนนโยบายนี้ของนางแมร์เคิล
ผลสำรวจที่ออกมาซึ่งมีกลุ่มตัวอย่างชาวเยอรมันสูงถึงร้อยละ 66 ที่ไม่เห็นด้วยกับนโยบายรับผู้อพยพเข้าประเทศนั้น ถือเป็นผลสำรวจที่มีสัดส่วนของผู้คัดค้านนโยบายนี้ในระดับสูงสุดนับตั้งแต่ผลสำรวจที่มีการเผยแพร่เมื่อวันที่ 31 สิงหาคมปีที่แล้ว ที่พบว่าในเวลานั้นมีชาวเยอรมันร้อยละ 51 ไม่ปลื้มกับนโยบาย “ชักปัญหาเข้าบ้าน” ของนายกรัฐมนตรีหญิงเมืองเบียร์
ผลสำรวจความคิดเห็นล่าสุดถูกเผยแพร่ออกมาภายหลังจากที่นางแมร์เคิลเพิ่งกล่าวสุนทรพจน์ โดยยืนยันจะไม่ขอทบทวนนโยบายเปิดประตูรับผู้อพยพที่ส่วนใหญ่เป็นชาวซีเรีย และชาวอัฟกัน เข้าประเทศ พร้อมกับการยืนยันว่าชีวิตและทรัพย์สินของคนเยอรมันจะยังคงปลอดภัย ถึงแม้จะมีผู้อพยพจำนวนมากจากต่างวัฒนธรรมและต่างศาสนาเข้ามาอาศัยในประเทศ
ทั้งนี้ ข้อมูลจากสำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอชซีอาร์) ระบุจำนวนผู้อพยพจากซีเรีย อิรัก และอัฟกานิสถานที่เดินทางเข้าสู่แผ่นดินยุโรปไปแล้วเมื่อนับถึงเดือนมีนาคมปีนี้มีจำนวนทั้งสิ้น 4,812,993 ราย ซึ่งในจำนวนนี้มากกว่า 600,000 รายได้ลงทะเบียนขอลี้ภัยในเยอรมนีเมื่อนับถึงเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา