รอยเตอร์ - ศึกประชามติของอังกฤษตัดสินชะตาว่าจะอยู่ต่อหรือแยกตัวจากสหภาพยุโรป (อียู) ปิดหีบลงคะแนนแล้วในวันพฤหัสบดี (23 มิ.ย.) ขณะที่แกนนำรณรงค์ “ถอนตัว” คาดหมายว่าคงเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ ท่ามกลางผลสำรวจความคิดเห็นท้ายๆ บ่งชี้ว่าผู้มีสิทธิลงคะแนนเลือกอยู่ต่อในอียูมากกว่า
ผลสำรวจของ YouGov พบว่าฝ่ายสนับสนุนให้อยู่ต่อมีคะแนนนำ 52 ต่อ 48 เปอร์เซ็นต์ โดยผลการสำรวจนี้ต่างจากเอ็กซิตโพล เนื่องด้วยมันมีพื้นฐานจากการสุ่มเลือกผู้ตอบแบบสอบถามทางออนไลน์ก่อนหน้าการลงคะแนน ผิดกับเอ็กซิตโพลที่สำรวจผู้มีสิทธิออกเสียงหลังจากที่คนเหล่านั้นออกมาจากหน่วยเลือกตั้ง
ไนเจล ฟารัจ หัวหน้าพรรคยูเค อินดิเพนเดนต์ ซึ่งเป็นแกนนำสนับสนุนโหวตพ้นจากสมาชิกภาพอียู ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวสกายนิวส์ ไม่คาดหมายว่าฝ่ายของเขาจะได้รับชัยชนะ “ผู้ออกมาใช้สิทธิออกเสียงสูงเป็นพิเศษและดูเหมือนฝ่ายอยู่ต่อจะชนะ” เขากล่าว ขณะที่ความคิดเห็นของเขาและผลโพลที่ออกมาช่วยดันให้ค่าเงินปอนด์สเตอร์ลิงปรับขึ้น 0.75 เปอร์เซ็นต์ อยู่ที่ 1.4987 ดอลลาร์ต่อปอนด์
การรณรงค์หาเสียงที่ยาวนานกว่า 4 เดือนได้ก่อการแบ่งฝักแบ่งฝ่ายอย่างรุนแรงในประเทศแห่งนี้ และบทสรุปสุดท้ายที่ออกมาของการลงประชามติอาจเปลี่ยนแปลงโฉมหน้าของยุโรป
หากอังกฤษกลายเป็นประเทศแรกที่ถอนตัวจากอียู ซึ่งเรียกกันว่า BREXIT มันจะสร้างความผิดหวังใหญ่หลวงแก่กลุ่มก้อน 28 ประเทศนับตั้งแต่ก่อตั้งมา
อียูจะสูญเสียชาติสมาชิกที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่สุดเป็นอันดับ 2 ของกลุ่ม และเป็นหนึ่งใน 2 มหาอำนาจทางทหารหลักของอียู และอาจต้องเผชิญการโหวตแบบเดียวกันจากเหล่านักการเมืองฝ่ายต่อต้านอียูในประเทศอื่นๆ ตามมา
แต่หากโหวตเลือกอยู่ต่อ อังกฤษได้รับคำสัญญาสถานะพิเศษได้รับการยกเว้นจากการบูรณาการทางการเมืองเพิ่มเติม แต่เหล่าแกนนำของสหภาพยุโรปจะยังคงต้องจัดการกับแรงต่อต้านการรวมสหภาพยุโรปซึ่งเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทั่วทวีป
ผลการลงประชามติมีกำหนดแถลงโดยพื้นที่นับคะแนนท้องถิ่นแต่ละพื้นที่ทั้งหมด 382 แห่ง ในช่วงเวลาราว 00.00 จีเอ็มที (ตรงกับเมืองไทย 07.00 น.) ถึง 03.00 น.(ตรงกับเมืองไทย 10.00 น.) ในวันศุกร์ (24 มิ.ย.)
ครั้งนี้ไม่มีการทำเอ็กซิตโพลเพราะกลัวว่าผลจะคลาดเคลื่อน เนื่องจากคะแนนนิยมคู่คี่สูสีอย่างยิ่ง ขณะที่จำนวนผู้ออกมาใช้สิทธินั้นได้ค่อยๆ ทยอยแจ้งออกมาโดยพื้นที่เลือกตั้งแต่ละหน่วย เริ่มตั้งแต่เวลาประมาณ 22.30 จีเอ็มที (ตรงกับเมืองไทย 05.30 น.)
การโหวตมีขึ้นในวันเดียวกับที่ลอนดอนและพื้นที่บางส่วนทางตะวันออกเฉียงใต้ของอังกฤษเจอฝนถล่มอย่างหนัก จนเกิดน้ำท่วมและก่อความยุ่งเหยิงด้านการสัญจรอย่างกว้างขวาง
หน่วยเลือกตั้ง 5 แห่งในลอนดอนต้องปิดหีบช้ากว่ากำหนด เนื่องจากเจ้าหน้าที่ประสบปัญหาด้านการเดินทาง และอีก 2 หน่วยต้องปิดช่วงสั้นๆ เพราะถูกน้ำท่วม แต่สามารถแก้ปัญหาและกลับมาเปิดให้ลงคะแนนอย่างรวดเร็ว