เอเจนซีส์ - เมื่อวานนี้ (14 ส.ค.) กลุ่มก่อการร้ายโบโกฮารัมที่มีฐานปฏิบัติการอยู่ทางตอนเหนือของไนจีเรีย และในเขตประเทศเพื่อนบ้าน ล่าสุดได้เผยแพร่วิดีโอคลิปกลุ่มนักเรียนหญิงชิบ็อกของไนจีเรียชุดใหม่ ที่มีการปรากฏตัวของกลุ่มนักเรียนหญิงจำนวน 50 คน ออกมาประกาศร้องขอชีวิตเพื่อแลกตัวกับกลุ่มนักโทษสมาชิกติดอาวุธ พร้อมภาพศพเพื่อนเหยื่อนักเรียนหญิงที่ถูกอ้างว่าเสียชีวิตเพราะถูกโจมตีทางอากาศ ล่าสุดกองทัพไนจีเรียประกาศต้องการตัว อาห์เหม็ด ซัลกิดา (Ahmed Salkida) นักข่าว และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องอีก 2 คน อาห์เหม็ด อู โบโลรี (Ahmed U Bolori) และไอชา วาคิล (Aisha Wakil) หลังอ้างว่าได้รับวิดีโอคลิปแต่เพียงผู้เดียวจากโบโกฮารัม
เดอะการ์เดียน สื่ออังกฤษรายงานเมื่อวานนี้ (14 ส.ค.) ว่า วิดีโอคลิปล่าสุดของกลุ่มก่อการร้ายโบโกฮารัมที่ถูกเผยแพร่แสดงให้เห็นถึงกลุ่มนักเรียนหญิงชิบ็อก จำนวน 50 คน จากทั้งหมด 276 คน อยู่ในชุดธรรมเนียมมุสลิม ที่มีทั้งยืนและนั่งในขณะที่มีชายปิดหน้าถือปืนคอยยืนคุมอยู่ใกล้ๆ ซึ่งเด็กนักเรียนเหล่านี้ถูกลักพาตัวมาจากที่พักของโรงเรียนในเดือนเมษายน 2014 โดย 217 คนจากทั้งหมดยังคงสูญหายมาจนถึงทุกวันนี้
สื่ออังกฤษรายงานว่า หนึ่งในตัวประกันได้กล่าวผ่านวิดีโอคลิป โดยอ้างว่าคือ ไมดา ยากูบู (Maida Yakubu) ได้ร้องขอชีวิตผ่านหน้ากล้องไปยังพ่อแม่ของเธอที่อยู่ทางบ้าน โดยกล่าวว่า “ถึงพ่อแม่ของพวกเรา ได้โปรดอยู่ในความอดทน” ยากูบูกล่าว และเสริมต่อว่า “ไม่มีความโหดร้ายทารุณประเภทไหนที่พวกเราไม่เคยพบ พี่น้องหญิงของเรามีบางส่วนบาดเจ็บ โดยมีบาดแผลบริเวณลำตัว และมีบางส่วนเกิดขึ้นบริเวณศีรษะ ขอให้บอกไปยังรัฐบาลของพวกท่านทั้งหลายให้เร่งคืนตัวสมาชิกติดอาวุธให้กับพวกเขาเพื่อให้ทางพวกเรานักเรียนชิบ็อกสามารถกลับบ้านได้”
นอกจากนี้ ตัวแทนนักเรียนหญิงชิบ็อกยังประกาศต่อว่า “พวกเรายังเป็นแค่เด็ก เราไม่ทราบว่าต้องทำเช่นใด เพราะพวกเราอยู่ในความยากลำบากอย่างมาก ขอได้โปรดช่วยเหลือ นักเรียนหญิงชิบ็อกทั้งหลายนั้นอดทน แต่มีสิ่งเดียวเท่านั้นที่จะช่วยเหลือพวกเราได้ คือ การปล่อยตัวกลุ่มสมาชิกติดอาวุธกลับคืนให้กับโบโกฮารัม”
ในระหว่างที่ยากูบูกล่าวอยู่นั้น เพื่อนนักเรียนหญิงคนอื่นๆ ต่างร้องไห้อย่างเงียบๆ และพบว่ามีหนึ่งในกลุ่มนักเรียนหญิงอุ้มเด็กไว้ในอ้อมแขน เดอะการ์เดียนชี้ว่า เป็นเพราะมีผ้าสีดำผืนใหญ่กั้นไว้บริเวณฉากหลัง ทำให้เป็นการยากที่จะเดาว่าการถ่ายทำวิดีโอคลิปชิ้นนี้เกิดขึ้นที่ใด
อย่างไรก็ตาม ยูโรนิวส์ได้รายงานล่าสุดว่า บิดามารดาของยาบูกูได้เห็นภาพเธอจากวิดีโอคลิปล่าสุดแล้ว โดยผู้เป็นพ่อ คาโว ยากูบู (Karo Yakubu) ได้เปิดใจว่า เป็นครั้งแรกที่ได้ทราบว่าลูกสาวยังมีชีวิตอยู่จากวิดีโอคลิปของโบโกฮารัม ถือเป็นครั้งแรกในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา และทำให้รู้สึกดีใจเป็นอันมาก
ทั้งนี้ยังพบว่า กลุ่มติดอาวุธที่อยู่ในวิดีโอคลิป นอกจากประกาศข่มขู่ไปยังครอบครัวของนักเรียนหญิงเหล่านั้น ยังพบว่าสมาชิกโบโกฮารัมที่อยู่ในชุดลายพรางสีเขียวพร้อมสวมหน้ากากในสีเดียวเดียวกันได้ออกมาอ้างว่า ***มีนักเรียนหญิงชิบ็อกเสียชีวิตจากการโจมตีทางอากาศของรัฐบาลประธานาธิบดีไนจีเรีย โมฮัมมาดู บูฮารี ที่มุ่งโจมตีฐานที่มั่นของกลุ่มกบฏ*** แต่อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญได้ออกมาให้ความเห็นว่า สภาพบาดแผลที่เกิดขึ้นนั้นน่าจะเกิดมาจากการถูกมีดยาวฟันมากกว่า และทำให้ชี้ไปได้ว่าภาพการเสียชีวิตของนักเรียนหญิงชิบ็อกที่ทางกลุ่มโบโกฮารัมเผยแพร่ “อาจจะเป็นการจัดฉาก”
นอกจากนี้ ทางกลุ่มติดอาวุธยังส่งสารไปถึงบูฮารี และรัฐบาลของเขาว่า หากจะพยายามช่วยเหลือเด็กนักเรียนหญิงเหล่านี้ ทางกลุ่มก่อการร้ายจะสังหารให้หมด รวมไปถึงยังยืนยันว่าวิดีโอคลิปกลุ่มนักเรียนหญิงชิบ็อกจะถูกส่งต่อไปยังมือนักข่าวเท่านั้น และจะไม่มีใครได้รับอำนาจในการเป็นตัวแทนเจรจาขอรอมชอมกับฝ่ายอาบูจาเด็ดขาด เดอะการ์เดียนรายงาน
ล่าสุด อัลญะซีเราะห์ สื่อกาตาร์รายงานวันนี้ (15 ส.ค.) ว่า กองทัพไนจีเรียออกแถลงการณ์ด่วน ประกาศต้องการตัวนักข่าว อาห์เหม็ด ซัลกิดา (Ahmed Salkida) และผู้เกี่ยวข้องอีก 2 คน อาห์เหม็ด อู โบโลรี (Ahmed U Bolori) และ ไอชา วาคิล (Aisha Wakil) หลังพบว่า ซัลกิดาได้ออกมาอ้างว่า กลุ่มก่อการร้ายโบโกฮารัมได้ส่งต่อวิดีโอคลิปให้แก่ตัวเขาเพียงผู้เดียว โดยทางกองทัพไนจีเรียประกาศต้องการสอบปากคำชายทั้ง 3 โดยเชื่อว่าคนเหล่านี้พัวพันอยู่กับกลุ่มก่อการร้าย
ด้าน พ.อ.ซานี คุลคาเชกา อุซมาน (Sani Kukasheka Usman) รักษาการผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารกองทัพไนจีเรีย ได้กล่าวผ่านแถลงการณ์ที่ออกมาในวันอาทิตย์ (14 ส.ค.) ว่า “อย่างไม่ต้องสงสัยเลยว่าคนกลุ่มนี้เกี่ยวพัน และรู้จักกลุ่มก่อการร้ายโบโกฮารัม” และกล่าวต่อว่า “ดังนั้น คนเหล่านี้จึงต้องเข้ามาหาทางกองทัพไนจีเรียเพื่อเข้าให้ข้อมูลกับทางเราว่านักเรียนหญิงชิบ็อกถูกกลุ่มติดอาวุธจับขังไว้ที่ใด รวมไปถึงเหยื่อลักพาตัวรายอื่นๆ เพื่อช่วยให้ทางกองทัพสามารถบุกไปช่วยชีวิตคนเหล่านี้”