คลินตันจิกทรัมป์พูดพล่อย “ล้ำเส้น” ปลุกปั่นผู้สนับสนุนใช้ความรุนแรง

เอเจนซีส์ - คลินตันเตือนทรัมป์ “ล้ำเส้น” จากการพูดพล่อยปลุกเร้าผู้สนับสนุนสิทธิในการครอบครองอาวุธปืนจัดการตน ขณะที่เจ้าตัวอ้างว่า หมายถึงการแสดงออกทางการเมืองเท่านั้น นอกจากนี้ อดีตพิธีกรเรียลลิตี้โชว์ปากไวยังกล่าวหาโอบามา-คลินตันร่วมกันปลุกปั้นกลุ่มก่อการร้ายไอเอส

วันพุธ (10 ส.ค.) ฮิลลารี คลินตัน ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ จากพรรคเดโมแครต ประณามโดนัลด์ ทรัมป์ คู่แข่งจากพรรครีพับลิกัน อย่างรุนแรงที่สุด หลังจากเจ้าพ่อวงการอสังหาริมทรัพย์จากนิวยอร์กประกาศบนเวทีหาเสียงในนอร์ธแคโรไลนาก่อนหน้านั้นหนึ่งวันว่า ผู้สนับสนุนสิทธิ์การครอบครองปืนควรดำเนินการเพื่อหยุดยั้งไม่ให้คลินตันได้แต่งตั้งประธานศาลสูงในฐานะประธานาธิบดีอเมริกา

คลินตันกล่าวระหว่างหาเสียงที่เดมอยส์ รัฐไอโอวา ว่าถ้อยคำดังกล่าวเป็นการแสดงความเห็นโดยไม่ยั้งคิดครั้งล่าสุดของทรัมป์ที่ถือว่าล้ำเส้น

ด้านทรัมป์และทีมหาเสียงรีบออกมากลบเกลื่อนเรื่องนี้ด้วยการยืนยันว่า ทรัมป์เพียงแค่เรียกร้องให้ผู้สนับสนุนสิทธิ์ในการครอบครองปืนต่อต้านคลินตันด้วยการไม่ลงคะแนนให้

แต่ดูเหมือนอดีตสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของสหรัฐฯ จะไม่ยอมง่ายๆ แถมยังย้ำอันตรายในการไม่ระวังคำพูดระหว่างการหาเสียงชิงตำแหน่งประธานาธิบดี ด้วยการประณามเรื่องที่ทรัมป์หยาบคายกับครอบครัวทหารที่เสียชีวิตในสงคราม รวมถึงการสนับสนุนให้ประเทศต่างๆ มีอาวุธนิวเคลียร์ในครอบครอง

“ถ้อยคำเหล่านั้นแสดงให้เห็นว่า โดนัลด์ ทรัมป์ ไม่มีวุฒิภาวะเหมาะสมสำหรับตำแหน่งประธานาธิบดีและผู้บัญชาการเหล่าทัพของสหรัฐฯ เลย”

ขณะที่ทีมหาเสียงขวนขวายขุดทรัมป์ขึ้นมาจากหลุมที่ตัวเขาเองขุดไว้ รูดี้ กุยเลียนี อดีตนายกเทศมนตรีนิวยอร์ก ออกโรงปกป้องทรัมป์อีกแรง ด้วยการโจมตีว่า คลินตันต่างหากที่เป็นคนปลุกปั่นทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่

ขณะเดียวกัน สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นรายงานว่า ซีเคร็ต เซอร์วิส หรือหน่วยอารักขาประธานาธิบดีและผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดี เข้าพบทีมหาเสียงทรัมป์เพื่อซักถามประเด็นที่กำลังเป็นข่าวฮือฮานี้

ทว่า ทรัมป์ปฏิเสธรายงานดังกล่าว และกล่าวหาซีเอ็นเอ็นว่า พยายามเต้าข่าวเพื่อดึงเรทติ้งที่หล่นร่วง

ทางฝ่ายคลินตันนั้น นอกจากประณามทรัมป์แล้ว อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศผู้นี้ยังเริ่มรณรงค์เรียกร้องการสนับสนุนจากนักการเมืองอิสระและสมาชิกรีพับลิกันที่สะอิดสะเอียนทรัมป์ ด้วยการเปิดเว็บไซต์ togetherforamerica.com ที่แสดงรายชื่อนักการเมืองอิสระและสมาชิกรีพับลิกันหลายสิบคนที่ประกาศสนับสนุนตนเอง ในจำนวนนี้รวมถึงจอห์น เนโกรพรอนเต อดีตผู้อำนวยการหน่วยข่าวกรองแห่งชาติ และไมเคิล บลูมเบิร์ก อดีตนายกเทศมนตรีนิวยอร์ก

ทั้งนี้ ทั้งสมาชิกสภานิติบัญญัติ อดีตเจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคง และนักวิจารณ์อื่นๆ อีกมากมาย ต่างกังวลกับแนวทางสนับสนุนความรุนแรงและการพูดโดยไม่ยั้งคิดของทรัมป์

พฤติกรรมเลวร้ายดังกล่าวทำให้คะแนนนิยมในตัวทรัมป์ร่วงไม่หยุด โพลล์ล่าสุดของรอยเตอร์/อิปซอสพบว่า ผู้สนับสนุนรีพับลิกัน 19% ต้องการให้ทรัมป์ถอนตัวจากการเลือกตั้ง, 70% คิดว่า เขาควรสู้ต่อ และ 10% ไม่มีความเห็น

ผลสำรวจของรีลเคลียร์โพลิติกส์ยังระบุว่า คลินตันนำทรัมป์ถึง 48% ต่อ 40%

สัปดาห์นี้ ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงแห่งชาติชั้นนำของรีพับลิกัน 50 คน ประกาศในจดหมายเปิดผนึกว่า จะไม่ลงคะแนนให้ทรัมป์เนื่องจากขาดคุณสมบัติ คุณค่า และประสบการณ์ในการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี

เช่นเดียวกับวุฒิสมาชิก 6 คนและสมาชิกสภาผู้แทนราษฏรของรีพับลิกันอีกจำนวนหนึ่งที่บอกศาลาเลิกสนับสนุนทรัมป์

อย่างไรก็ตาม ทีมหาเสียงทรัมป์ไม่ปล่อยให้ตัวเองถูกกระทำฝ่ายเดียว แต่ฉวยโอกาสทันควันโจมตีคลินตัน “ทุจริต” หลังจากกรณีอีเมลฉาวเมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศของแคนดิเดตจากเดโมแครตผู้นี้ถูกขุดคุ้ยในประเด็นใหม่ โดยกลุ่มจูดิเชียล วอตช์ ซึ่งเป็นองค์กรตรวจสอบสายอนุรักษ์นิยมเผยแพร่อีเมลจำนวนมากของคลินตันที่บ่งชี้ว่า มูลนิธิคลินตันพยายามเพื่อให้ได้รับการปฏิบัติเป็นกรณีพิเศษจากกระทรวงต่างประเทศ

นอกจากนั้น เมื่อวันพุธ ทรัมป์ยังกล่าวหาประธานาธิบดีบารัค โอบามา และคลินตันว่า ร่วมกันปลุกปั้นกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) แถมยังเรียกชื่อเต็มของผู้นำทำเนียบขาว บารัค “ฮุสเซน” โอบามา

ทั้งนี้ ทรัมป์กล่าวหาโอบามาและคลินตัน ในฐานะอดีตรัฐมนตรีต่างประเทศสมัยโอบามา 1 มานานแล้วว่า ดำเนินนโยบายตะวันออกกลางที่นำไปสู่สุญญากาศทางการเมืองในอิรัก ซึ่งทำให้ไอเอสถือกำเนิดและเติบโตจนกลายเป็นกลุ่มก่อการร้ายที่เขย่าขวัญตะวันออกกลาง ยุโรป และทั่วโลกในวันนี้