เอเอฟพี/เอเจนซีส์ / MGR online - นักพายเรือคยัครายหนึ่งมีอันต้องติดอยู่บนเกาะอันห่างไกลนอกชายฝั่งออสเตรเลียนานหลายวัน หลังเรือคู่ใจของเขาถูกโจมตีจากจระเข้น้ำเค็มตัวหนึ่งจนเจ้าตัวต้องดิ้นรนหาทางขึ้นจากทะเลเพื่อเอาชีวิตรอด ก่อนจะขอรับความช่วยเหลือจากทางการท้องถิ่นในวันเสาร์ (6 ส.ค.)
รายงานข่าวระบุว่า นักพายเรือคยัครายนี้ซึ่งไม่ประสงค์จะเปิดเผยชื่อของตนผ่านสื่อ ได้ถูกจู่โจมจากจระเข้น้ำเค็มขนาดยักษ์ตัวหนึ่งตั้งแต่เมื่อวันพุธ (3 ส.ค.) ที่ผ่านมา ขณะที่เขากำลังพายเรือคู่ใจอยู่นอกชายฝั่งเมืองร็อกแฮมป์ตันในรัฐควีนส์แลนด์ ห่างจากเกาะทาวส์เฮนด์ราว 3 กิโลเมตร
หลังจากที่เรือคยัคคู่ใจถูกโจมตีจากจระเข้ตัวยักษ์ นักพายเรือเพศชายรายนี้เปิดเผยว่าเขาได้พยายามเร่งความเร็วของฝีพายหวังไปถึงเกาะดังกล่าวให้เร็วที่สุดเพื่อเอาชีวิตรอด แม้สภาพเรือของเขาจะได้รับความเสียหายบางส่วน
รายงานข่าวระบุว่า นักพายเรือคยัคผู้นี้ต้องติดอยู่บนเกาะทาวส์เฮนด์ตามลำพังตั้งแต่วันพุธ (3) โดยไม่สามารถหาทางกลับสู่ชายฝั่งของรัฐควีนส์แลนด์ได้เพราะหวั่นเกรงภัยคุกคามจากฝูงจระเข้น้ำเค็ม ตลอดจนสภาพอากาศที่เลวร้ายและคลื่นลมในทะเลที่รุนแรง ซึ่งทำให้การพายเรือคยัคในสภาพชำรุดกลับเข้าฝั่งนั้นเป็นเรื่องที่ “เป็นไปไม่ได้”
ด้านโฆษกหญิงของสำนักงานความปลอดภัยทางทะเลของออสเตรเลีย ซึ่งทำหน้าที่ประสานขอเฮลิคอปเตอร์ไปรับตัวนักพายเรือคยัครายนี้ออกจากเกาะทาวส์เฮนด์ในวันเสาร์ (6) ระบุว่า นักพายเรือผู้นี้ถือว่าโชคดีอย่างมากที่รอดชีวิตมาได้
สื่อท้องถิ่นระบุว่า นักพายเรือคยัครายนี้ซึ่งติดอยู่บนเกาะดังกล่าวตั้งแต่เมื่อกลางสัปดาห์ เพิ่งตัดสินใจส่งสัญญาณขอรับความช่วยเหลือผ่านเครื่องมือระบุตำแหน่งเมื่อวันเสาร์ (6) หลังหมดสิ้นความหวังในการหาทางออกจากเกาะด้วยตัวเอง
ทั้งนี้ จระเข้น้ำเค็ม ซึ่งเป็นสัตว์คุ้มครองตามกฎหมายออสเตรเลียตั้งแต่ปี 1971 สามารถพบได้ทั่วไปในพื้นที่ภาคเหนือของออสเตรเลีย และในแต่ละปีจะมีรายงานจระเข้ทำร้ายมนุษย์จนเสียชีวิตโดยเฉลี่ยปีละ 2 ราย ท่ามกลางกระแสเรียกร้องของประชาชนทั้งในรัฐควีนส์แลนด์และ Northern Territory ที่ต้องการให้ทางการฆ่าจระเข้เหล่านี้ปีละหลายร้อยตัวเพื่อความปลอดภัยของมนุษย์และปศุสัตว์ในพื้นที่
ก่อนหน้านี้ ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาเกิดเหตุสตรีวัย 46 ปีรายหนึ่งถูกจระเข้ทำร้ายจนเสียชีวิตขณะเดินลุยน้ำซึ่งไม่ลึกมากนักในตอนกลางคืน ก่อนที่มันจะลากศพของเธอลงทะเลเพื่อไปกินเป็นอาหารในเขตห่างไกลทางตอนเหนือของรัฐควีนส์แลนด์