เอเอฟพี - สตรีรายหนึ่งที่ให้กำเนิดบุตรในวัย 62 ปี ด้วยการทำเด็กหลอดแก้ว (IVF) สร้างกระแสการถกเถียงทางจริยธรรมขึ้นในออสเตรเลียในวันนี้ (4 ส.ค.) หลังจากที่ผู้นำกลุ่มทางการแพทย์รายหนึ่งออกมาตำหนิการตัดสินใจของเธอว่า “เห็นแก่ตัวและไร้ศีลธรรม”
สตรีนิรนามรายนี้ซึ่งมีสามีอายุ 78 ปี ให้กำเนิดเด็กผู้หญิงด้วยผ่าคลอดที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในเมืองเมลเบิร์นเมื่อวันจันทร์ (1) รายงานระบุว่าทำให้เธอเป็นหนึ่งในคุณแม่มือใหม่ที่อายุมากที่สุดในแดนจิงโจ้
ไมเคิล แกนนอน สูตินรีแพทย์ซึ่งเป็นประธานสมาคมแพทย์ออสเตรเลีย (Australian Medical Association) ใช้ทวิตเตอร์ในการประณามพ่อแม่คู่นี้
“มีใครคิดถึงช่วงวัยรุ่นของเด็กคนนี้บ้างไหม ช่างเห็นแก่ตัวและไร้ศีลธรรม” เขาทวีต พร้อมเสริมว่ามีสิ่งที่ความสำคัญมากกว่าเรื่องสุขภาพของผู้หญิง
“นี่เป็นประเด็นด้านสิทธิ คิดถึงสิทธิของเด็ก สิทธิของสังคม สิทธิของผู้เสียภาษี อย่าริอยากมีลูกในช่วงวัย 60 ปี” เขากล่าว
หลังจากนั้นเขาบอกกับผู้สื่อข่าวว่า สตรีสูงอายุที่ตั้งครรภ์มีความเสี่ยงทั้งจากโรคเบาหวาน ปัญหาความดันโลหิต โรคหัวใจ เส้นเลือดอุดตัน โรคหลอดเลือดสมองและลิ่มเลือด
สถานีโทรทัศน์ Channel Seven รายงานว่า สตรีรายนี้และสามีของเธอตั้งครรภ์ด้วยวิธีการปฏิสนธินอกร่างกายในต่างประเทศโดยใช้ตัวอ่อนจากผู้บริจาค
ในออสเตรเลียไม่มีข้อห้ามทางกฎหมายไม่ให้สตรีสูงอายุเข้ารับการทำเด็กหลอดแก้ว ถึงแม้ว่าแพทย์ส่วนใหญ่จะไม่ทำให้กับผู้ที่มีอายุมากกว่า 50 ปีเนื่องจากความเสี่ยงดังกล่าวก็ตาม
ศาสตราจารย์ แก๊บ โคแวกส์ สูตินรีแพทย์ในเมลเบิร์นที่ได้รับการยอมรับในฐานะนักบุกเบิกในการพัฒนาและความสำเร็จของ IVF วิพากษ์วิจารณ์การตั้งครรภ์ของสตรีรายนี้ว่าไม่ใช่วัตถุประสงค์ของการรักษานี้
“การตั้งครรภ์ในวัย 62 ปีเป็นอันตรายต่อแม่และเด็ก” เขาบอกกับ ดิ เอจ หนังสือพิมพ์ท้องถิ่นของเมืองเมลเบิร์น และว่า “เธออาจมีความดันโลหิตสูงซึ่งเป็นเรื่องปกติมากในวัยทอง เธออาจมีเลือดออกหลังรกซึ่งเป็นเรื่องปกติมากอีกเช่นกันในวัยทอง และเมื่อเด็กอายุถึง 21 ปี ผู้เป็นแม่ก็จะอายุ 84 ปี”
โคแวกส์เสริมว่า การให้กำเนิดครั้งนี้สร้างความเข้าใจที่ไม่ถูกต้องให้กับสตรีสูงอายุที่อาจกำลังพิจารณาเรื่องการมีบุตร