หากคุณเป็นหนึ่งในบุคคลที่มีลูกยาก คุณจะทำอย่างไร? วันนี้ Celeb Online Daily มีโอกาสจับเข่าคุยกับ 2 เซเลบริตี อุ๊-เจนนิส โสภณพนิช และ อลิซาเบท วงศ์วาสิน ภุกพิบูลย์ กับความยากลำบากกว่าจะมีลูกน้อยที่น่ารัก เพื่อมาเติมเต็มให้กับครอบครัวกันในวันนี้ แต่ละคนผ่านความอดทน ความพยายาม ความเสียใจ ความผิดหวัง หลากหลายอารมณ์ กว่าจะสมหวังในการมีลูก วันนี้เราลองไปดูว่าแต่ละคนผ่านช่วงเวลาเหล่านั้นกันมาได้อย่างไร
เริ่มที่ คุณแม่ยังสาววัยเฉียดสี่สิบกะรัต อุ๊-เจนนิส โสภณพนิช เล่าว่า ในช่วงอายุ 30 ปี มีปัญหาช็อกโกแลตซีสต์ และ มดลูกอักเสบ จึงต้องตัดปีกมดลูกทิ้งไปข้างหนึ่ง หนำซ้ำอีกข้างที่เหลือก็อยู่ในภาวะปีกมดลูกตัน 100% ทำให้เธอไม่สามารถมีลูกเองโดยธรรมชาติได้
“ตอนแรกที่เจนนิสเป็นแฟนกับสามี (เบิ้ล-เจษฎา โสภณพนิช ยังพิชิต) ก็คุยกันว่าจะแต่งงานและอยากมีลูก ซึ่งเราเองนั้นรู้ปัญหาของตัวเองอยู่แล้วเรื่องการมีลูก จึงบอกกับสามีเลยว่า เรามีปัญหาแบบนี้อยู่นะ ถ้าจะมีลูกต้องปรึกษาคุณหมอ ให้คุณหมอดูประวัติของเราทั้งหมดที่ผ่านมาว่าเราทำอะไรมาบ้าง”
เมื่อเจนนิสเปิดใจคุยกับสามี ทั้งคู่จึงไปปรึกษากับคุณหมอและนำประวัติเก่าๆ ของฝ่ายหญิงทั้งหมดไปให้คุณหมอด้านมีลูกยากดู เพื่อขอคำปรึกษา ซึ่งคุณหมอก็แนะนำให้ใช้วิธีการ ทำเด็กหลอดแก้ว หรือ IVF เพราะเป็นวิธีเดียวเท่านั้น! ที่สามารถทำให้ท้อง และมีลูกได้
“ด้วยความที่เราทั้งคู่อยากมีลูก บวกกับอายุที่มากขึ้น จึงรีบดำเนินการ และเมื่อเตรียมร่างกายพร้อมแล้ว เจนนิสและสามีได้ไปหาคุณหมอเพื่อทำเด็กหลอดแก้ว ซึ่งในการทำครั้งแรกนั้นก็ติด แต่อยู่ได้ไม่นานประมาณเดือนกว่าๆ เด็กก็หลุด จากนั้นจึงพักร่างกายหนึ่งเดือน แล้วกลับไปหาคุณหมอใหม่เพื่อทำต่ออีกครั้ง ทว่า ครั้งนี้โชคช่างไม่เข้าข้าง เพราะครั้งที่ 2 ที่ทำเด็กหลอดแก้วนั้น ไม่ติดเลย! ตรวจฮอร์โมนก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เมื่อเป็นดังนั้นคุณหมอจึงขอให้เราหยุดพัก 3 เดือน เพื่อกลับมาดูแลสุขภาพตัวเอง รับประทานยาปรับฮอร์โมน ยาบำรุง และดูแลเรื่องอาหารการกิน และการพักผ่อน”
ภายหลังจากผิดหวังกับการทำเด็กหลอดแก้วมาถึง 2 ครั้ง ทว่า ครั้งที่ 3 นี้คุณหมอจึงตัดสินใจใส่ไข่ไป 2 ฟอง และแล้วเธอก็สมหวัง เมื่อคุณหมอตรวจฮอร์โมนและบอกกับเธอว่า “ขณะนี้คุณตั้งท้องแล้ว และได้ลูกแฝด”
“ทันทีที่คุณหมอบอกว่า ทำติดแล้ว ก็ดีใจมาก ยิ่งทราบว่าเป็นลูกแฝดก็ดีใจมากไปอีก ผ่านไปอีก3เดือน ถึงได้ทราบว่าลูกเป็นเพศชายและหญิง ก็ดีใจขึ้นไปอีกทวีคูณ เหมือนเป็นการลุ้นทุกสเต็บ ดังนั้น เมื่อรู้ว่าตั้งท้องชัวร์ เจนนิสก็ดูแลตัวเองเพิ่มมากขึ้น ด้วยการอยู่บ้าน ดูทีวี ไม่ยกของหนัก ทำสภาพจิตใจของเราให้ผ่อนคลายที่สุด ไม่กังวล และไม่เครียด”
ด้วยความที่ท้องลูกแฝด ความทรมานและความยากลำบากในการอุ้มท้อง จึงมีมากกว่าคนปกติ เจนนิสเล่าว่า
“ตอนท้องช่วง 4 เดือนแรกแพ้เยอะมาก ทานอะไรไม่ได้เลยอาเจียนทั้งวันทั้งคืน อาเจียนจนเส้นเลือดฝอยบนหน้าแตกไปหมด อาการทวีความรุนแรงไปเรื่อยๆ ทานได้แต่มะม่วงสุก ของหวาน พอเข้าสู่ช่วงเดือนที่ 3 คุณหมอก็บังคับให้ทานไข่วันละ 6 ฟอง เพราะเจนนิสเป็นคนตัวเล็ก และท้องลูกแฝด ลูกต้องการโปรตีนเยอะ และปกติคนท้องน้ำหนักจะขึ้น แต่เจนนิสน้ำหนักกลับลดลงไปเกือบ 5 กก. พอเข้าสู่เดือนที่ 5-8 น้ำหนักเพิ่มขึ้นมาแค่ 8 กก.เท่านั้น ยิ่งใกล้คลอดเดือน 7-8 ถือเป็นช่วงที่ทรมานที่สุด เพราะนอนไม่ได้เลย นอนหงายก็ไม่ได้ นอนตะแคงก็ไม่ได้ อึดอัด หายใจไม่ออก ก็จะนั่งอยู่บนเก้าอี้ เหนื่อยจนน็อกก็จะเผลอหลับไปเอง”
ในที่สุดวันที่เธอรอคอยได้พบหน้าลูกแฝดก็มาถึง เมื่อคุณหมออนุญาตให้เธอผ่าคลอดลูกแฝดหญิงชายของเธอได้ ทำให้วันนี้ “น้องจาณีนและน้องเจส” 2 หนูน้อยนัยน์ตาสีน้ำข้าว ก็ได้มาเป็นโซ่ทองคล้องใจให้กับครอบครัว “โสภณพนิช”
ส่วนคุณแม่อีกคน อลิซาเบท วงศ์วาสิน ภุกพิบูลย์ หวานใจคนสวยของ พลฑิตย์ ภุกพิบูลย์ บิ๊กเจ้าของ นสพ.บ้านเมือง ก็มีปัญหาเกี่ยวกับการมีลูกยากเช่นกัน สำหรับในเคสของเธอนั้น อยู่ในข่ายที่หาสาเหตุไม่เจอว่า เหตุใดเธอและสามีถึงมีลูกยากทั้งที่พยายามมาแล้วหลากหลายวิธี กว่าจะมีลูกชายวัยกำลังซน น้องภสุ ภุกพิบูลย์ อายุ 1 ปี 9 เดือน
“ลิซ่าแต่งงานตอนอายุ 26 ย่าง 27 ปี แต่งงานค่อนข้างเร็ว ในปีแรกๆ ที่แต่งงานเราทั้งคู่ยังอยากใช้ชีวิตคู่อยู่ ก็เลยมีการคุมธรรมชาติโดยฝ่ายชาย พออายุ 30 เรารู้สึกว่าเราพร้อมแล้ว อยากที่จะมีน้องจึงเริ่มปล่อยธรรมชาติดู ประมาณ 1 ปีก็ยังไม่มี จึงลองปรึกษากับคุณหมอเบื้องต้นว่า ทำไมเรายังไม่มี คุณหมอจึงตรวจสุขภาพทั่วไป เช่น การตรวจมดลูก ซีสต์ มีพังผืดหรือเปล่า ท่อนำไข่ตีบหรือตันหรือไม่ หรือว่ามีเยื่อบุมดลูกเจริญผิดที่หรือเปล่า หรือว่าอสุจิผู้ชายไม่ดี หรือว่าเป็นผู้ที่มีภาวะมีบุตรยากโดยไม่ทราบสาเหตุ”
ลิซ่า เล่าต่อว่า ในการรักษาหากเจอสาเหตุในการมีลูกยาก ก็สามารถหาหนทางทางแก้ได้ ทว่า ในกรณีของเธอกลับไม่เจอสาเหตุ ดังนั้น คุณหมอจึงไม่รู้จะแก้ปัญหาอย่างไร จึงลองให้ใช้วิธีที่ง่ายที่สุดคือ การฉีดน้ำอสุจิเข้าสู่โพรงมดลูกโดยตรง หรือ IUI ซึ่งวิธีนี้เป็นวิธีใกล้เคียงกับธรรมชาติที่สุด โดยการให้ผู้ชายนำอสุจิออกมา จากนั้นคุณหมอใช้หลอดยาวๆ เล็กๆ คัดเลือกตัวที่แข็งแรง ดูดมา แล้วฉีดเข้าไปในช่องคลอดของฝ่ายหญิงในช่วงที่มีการตกไข่ จากนั้นให้นอนพักประมาณ 2-3 ชั่วโมง ก็สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ ซึ่งวิธีนี้เป็นวิธีที่เจ็บตัวน้อยสุด แล้วก็ใกล้เคียงกับธรรมชาติมากที่สุด
ดั่งสวรรค์ไม่เข้าข้างเธอ ตลอดระยะเวลากว่า 3 ปีเต็ม เธอพยายามมีลูกด้วยวิธี IUI กว่า 6 ครั้งจนเต็มลิมิตที่จะสามารถตั้งท้องด้วยวิธีการนี้ได้ คุณหมอจึงเปลี่ยนวิธีให้เธอมาลองวิธี ทำเด็กหลอดแก้ว หรือ IVF ดู
ทว่า ด้วยความตั้งใจมีลูกอย่างแรงกล้าของเธอ ในการทำเด็กหลอดแก้ว ลิซ่าก็ต้องเสียใจอีกครั้งเมื่อครั้งแรกที่ทำเด็กหลอดแก้วนั้น ไม่เป็นผลสำเร็จ
“ตอนนั้นจิตตกไปเลย คือเรามีความหวังมากกว่าครั้งก่อนหน้านี้ เพราะรู้สึกว่าวิธีที่เราทำเด็กหลอดแก้วเป็นวิธีที่แอดวานซ์มากขึ้น แม้ว่าเราจะทำใจเผื่อไว้แล้วส่วนหนึ่ง แต่ลึกๆ เราก็คิดว่าน่าจะได้”
เมื่อผิดหวังเธอจึงหยุดไปประมาณ 1 ปี พักผ่อนร่างกายและจิตใจด้วยการที่สามีพาไปเที่ยว สร้างขวัญกำลังใจใหม่
จากนั้นจึงกลับไปหาคุณหมออีกครั้ง เพราะยังมีตัวอ่อนเหลือจากทำครั้งที่แล้ว และก่อนทำเด็กหลอดแก้วในรอบใหม่ เธอได้เตรียมตัวร่างกายด้วยการรับประทานไข่เป็ดต้มทุกวัน วันละ 2 ฟอง ก่อนที่จะไปฝังตัวอ่อน
“ลิซ่ามีเพื่อนที่มีลูกยากเหมือนกัน แนะนำว่าหมอจีน บอกว่าให้กินไข่เป็ดต้ม แต่ว่าต้องเป็นไข่เป็ดเปลือกสีเขียว เอามาต้ม เพราะว่าคุณค่าของไข่เป็ดมีเยอะมาก มีโปรตีนเหมือนเป็นยาบำรุง ลิซ่าจึงกินไข่ต้มก่อนที่จะไปหาคุณหมอวันละ 2 ฟอง เกือบ 2 เดือน”
ระหว่างที่กินไข่ต้ม คุณหมอได้วัดความหนาของผนังมดลูก เพราะว่าเวลาใส่ตัวอ่อน คุณหมอจะดูว่ามดลูกฟูหรือไม่ฟู ถ้ามดลูกฟู แปลว่า มดลูกหนาดี แข็งแรง แปลว่าตัวอ่อนน่าจะฝังตัวได้ง่าย
“หลังจากที่ลิซ่าทานไข่เป็ดทุกวัน คุณหมอก็บอกว่า รอบนี้ผนังมดลูกฟูดีจัง สามารถใส่ตัวอ่อนได้แล้ว ปรากฏว่ารอบที่ 2 ที่ใส่ตัวอ่อน แล้วไปตรวจเลือด คุณหมอก็บอกว่า ท้อง! ฮอร์โมนขึ้น แต่คุณหมอต้องรอเช็คก่อนว่าเด็กมีหัวใจหรือไม่ ซึ่งอันนี้ก็เข้าสู่ของการท้องโดยธรรมชาติแล้ว จากนั้นอีกประมาณ 2-3 สัปดาห์ ก็มาฟังเสียงหัวใจก็ได้ยินเสียงหัวใจของลูก”
เมื่อรู้แน่ชัดแล้วว่า ท้องชัวร์ ลิซ่าจึงเลือกอยู่แต่บนเตียง ไม่ไปไหนเลยตลอด 3 เดือนแรก จะออกไปเฉพาะไปหาคุณหมอ เพราะกลัวจะเสียลูกไป
“ต้องบอกว่าลิซ่าโชคดีเป็นคนไม่แพ้อะไรเลยทุก ตอนที่ท้องรับประทานได้ทุกอย่าง จนเดือนสุดท้ายนอนไม่สบาย เนื่องจากท้องใหญ่ ต้องนอนตะแคง คืนหนึ่งพลิกหลายรอบ หายใจไม่ออก บางคืนก็นั่งหลับ น้ำหนักขึ้นไม่เยอะ แค่ 12 กิโลกรัม และคลอดโดยวิธีการผ่า”
ดังสุภาษิตที่ว่า “ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น” คุณแม่ 2 ท่านนี้จึงขอเป็นตัวแทนให้กับคุณแม่ที่กำลังท้อแท้ในการมีลูกยาก ให้มีความพยายาม เพราะสักวันหนึ่ง “ความสุข” จากการพยายามมองคุณจะเป็นจริงในไม่ช้า