รอยเตอร์ / เอเจนซีส์ / MGR online - ทางการไนเจอร์ประกาศในคืนวันศุกร์ (29 ก.ค.) ขยายภาวะฉุกเฉินในพื้นที่เขต “ดิฟฟา” ซึ่งตั้งอยู่แถบตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศออกไปอีก 3 เดือนตั้งแต่เสาร์ (30 ก.ค.) หลังพื้นที่ดังกล่าวยังคงเผชิญกับเหตุโจมตีอย่างต่อเนื่องจากกลุ่มติดอาวุธอิสลามิสต์ “โบโก ฮารัม” ที่มีฐานอยู่ในประเทศเพื่อนบ้านอย่างไนจีเรีย
การโจมตีของกลุ่มนักรบมุสลิมสุหนี่หัวสุดโต่งดังกล่าว ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ช่วงปลายเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ส่งผลให้พื้นที่ของเมืองบอสโซ และ เยบี ของเขตดิฟฟาในไนเจอร์ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากชายแดนไนจีเรีย มีอันต้องกลายสภาพเป็น “เมืองร้าง” หลังจากที่ชาวเมืองจำนวนไม่ต่ำกว่า 69,000 คน ต่างอพยพหนีตายออกจากพื้นที่เพื่อเอาชีวิตรอด ตามข้อมูลที่มีการนำเสนอผ่านรายงานของสำนักงานสหประชาชาติเพื่อการประสานงานกิจการด้านมนุษยธรรม (โอซีเอชเอ)
นักรบกลุ่มโบโก ฮารัม ซึ่งมีจุดมุ่งหมายในการสถาปนารัฐอิสลามสุดโต่ง ขึ้นในพื้นที่ภาคเหนือของไนจีเรีย รวมถึงดินแดนรอบทะเลสาบชาด ได้บุกเข้ายึดเมืองบอสโซในเขตดิฟฟาของไนเจอร์ ตั้งแต่ช่วงต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ในเหตุโจมตีที่คร่าชีวิตทหารไนเจอร์และไนจีเรียรวมกันมากกว่า 30 ราย
รายงานข่าวระบุว่า การประกาศขยายระยะเวลาภาวะฉุกเฉิน ในเขตดิฟฟาออกไปจนถึงวันที่ 25 ตุลาคม ในครั้งนี้ของรัฐบาลไนเจอร์ มีจุดประสงค์เพื่อเพิ่มศักยภาพของมาตรการด้านความมั่นคง และการปรับเพิ่มกำลังทหารให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ในการรับมือกับระดับภัยคุกคามจากกลุ่มโบโก ฮารัมที่เพิ่มสูงขึ้น
ทั้งนี้ เหตุรุนแรงที่ก่อโดยกลุ่มติดอาวุธอิสลามิสต์ โบโก ฮารัม ได้เริ่มปะทุขึ้นตั้งแต่เมื่อปี 2009 ในไนจีเรีย ก่อนจะมีการขยายวงแห่งความขัดแย้งออกไปสู่ประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งไนเจอร์ ชาด แคเมอรูน และไนจีเรีย เป็นเหตุให้ประชาชนที่มีจำนวนมากกว่า 2.1 ล้านคน ในภูมิภาคนี้ของแอฟริกา ต้องอพยพละทิ้งถิ่นฐานบ้านเรือนของตน
