รอยเตอร์ - หวัง อี้ รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศจีน ได้ร้องขอให้ จอห์น เคร์รี รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ช่วยสนับสนุนการเจรจาระหว่างจีนและฟิลิปปินส์เพื่อคลี่คลายข้อพิพาททะเลจีนใต้ หลังจากศาลอนุญาโตตุลาการถาวรที่กรุงเฮก (Permanent Court of Arbitration) ได้มีคำพิพากษาหักล้างการอ้างกรรมสิทธิ์ของปักกิ่งเมื่อช่วงกลางเดือนที่ผ่านมา
จีนปฏิเสธที่จะเข้าร่วมกระบวนการไต่สวน และไม่ยอมรับคำตัดสินของศาลที่ประกาศออกมาเมื่อวันที่ 12 ก.ค. ซึ่งทางฟิลิปปินส์ถือเป็นชัยชนะทางกฎหมายครั้งประวัติศาสตร์
ระหว่างการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนที่กรุงเวียนจันทน์เมื่อวานนี้ (25 ก.ค.) หวัง ได้เอ่ยกับ เคร์รี ว่า จีนและอาเซียนได้เห็นพ้องต้องกันว่าข้อพิพาททะเลจีนใต้ควรจะถูกนำกลับไปสู่ “แนวทางที่ถูกต้อง” นั่นคือการเจรจาโดยตรงระหว่างประเทศคู่ขัดแย้ง
รัฐบาลจีน “หวังว่าสหรัฐฯ จะช่วยพูดคุยอย่างจริงจังเพื่อสนับสนุนให้จีนและฟิลิปปินส์กลับมาเจรจากันอีกครั้งหนึ่ง ตลอดจนส่งเสริมความพยายามของจีนและอาเซียนที่จะรักษาสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาคนี้” กระทรวงการต่างประเทศจีนเผยแพร่คำแถลงของ หวัง วันนี้ (26)
ปักกิ่งเคยประณามสหรัฐฯ หลายต่อหลายครั้งว่าเป็นตัวการยั่วยุให้เกิดความตึงเครียดในทะเลจีนใต้ และไม่รักษาจุดยืนเป็นกลาง ซึ่งวอชิงตันก็ปฏิเสธข้อหานี้มาโดยตลอด
การอ้างกรรมสิทธิ์ทับซ้อนกับจีนเหนือน่านน้ำทะเลจีนใต้ ซึ่งเป็นเส้นทางเดินเรือที่สำคัญและเป็นแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ กลายเป็นปมปัญหาเรื้อรังสำหรับ 10 ชาติอาเซียน ซึ่งแม้จะต้องการปกป้องอธิปไตยของตนเองไว้ แต่ก็จำเป็นต้องรักษาความสัมพันธ์กับปักกิ่งควบคู่กันไปด้วย
กระทรวงการต่างประเทศจีนระบุด้วยว่า หวัง ขอร้องให้ญี่ปุ่นอย่าแทรกแซงปัญหาทะเลจีนใต้ เพราะโตเกียวไม่ได้เป็นหนึ่งในผู้อ้างกรรมสิทธิ์ จึงไม่ควรเข้ามาพัวพันเรื่องนี้
“ความสัมพันธ์ระหว่างจีนและญี่ปุ่นยังคงเปราะบาง และไม่เป็นที่น่าพอใจนัก” หวัง กล่าวกับ ฟูมิโอะ คิชิดะ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่น
ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย และสหรัฐฯ ได้มีคำแถลงร่วมแสดงการ “คัดค้านอย่างรุนแรงต่อการกระทำเชิงข่มขู่ฝ่ายเดียว” ในทะเลจีนใต้ และเรียกร้องให้ฟิลิปปินส์และจีนปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาลอนุญาโตตุลาการถาวร
จีนประสบชัยชนะทางการทูตอย่างชัดเจนในวันจันทร์ (25) จากการใช้กัมพูชาเป็นตัวแทนขัดขวางไม่ให้อาเซียนพาดพิงถึงเรื่องศาลอนุญาโตตุลาการถาวรที่กรุงเฮกตัดสินคดีกรรมสิทธิ์ทะเลจีนใต้ที่ให้ปักกิ่งเป็นฝ่ายแพ้ โดยปรากฏว่าแถลงการณ์ร่วมของเหล่ารัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน ซึ่งออกมาจนได้ในที่สุดภายหลังถกเถียงกันมาหลายรอบนั้น ไม่ได้มีการเอ่ยถึงเรื่องนี้เลย