เอเอฟพี/MGRออนไลน์ - รัฐบาลเกาหลีเหนือออกมาขู่วันจันทร์ (11 ก.ค.) ว่าจะใช้ “การปฏิบัติการทางกายภาพ” ตอบโต้การส่งระบบป้องกันขีปนาวุธล้ำสมัยจากสหรัฐฯ เข้ามาติดตั้งในเกาหลีใต้ ขณะเดียวกันยังประกาศปิดหนึ่งในช่องทางติดต่อท้ายๆ ที่ยังเหลืออยู่ระหว่างโสมแดงกับอเมริกา เพื่อตอบโต้การที่วอชิงตันขึ้นบัญชีลงโทษคว่ำบาตรผู้นำคิม จองอึน ฐานละเมิดสิทธิมนุษยชน
คำขู่ใช้ “การปฏิบัติการทางกายภาพ” นี้มีขึ้น หลังจากที่โซลและวอชิงตันได้บรรลุข้อตกลงเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว (8) ให้มีการส่งระบบป้องกันขีปนาวุธในบรรยากาศชั้นสูง หรือ “ทาด” (Terminal High Altitude Area Defense ใช้อักษรย่อว่า THAAD ) เข้าไปติดตั้งบนคาบสมุทรเกาหลี โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อป้องปรามเกาหลีเหนือ
สหรัฐฯ และเกาหลีใต้ยังไม่เผยชัดเจนว่าจะนำระบบทาดไปติดตั้งไว้ที่ใด โดยระบุแต่เพียงว่า กระบวนการคัดเลือกสถานที่ใกล้จะได้ข้อสรุปแล้ว
“สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี (เกาหลีเหนือ) จะใช้มาตรการทางกายภาพเพื่อควบคุมระบบขีปนาวุธ ทาด อย่างครอบคลุม... ทันทีที่เกาหลีใต้ยืนยันสถานที่ตั้งของมัน”เหล่าทหารปืนใหญ่ของกองทัพเกาหลีเหนือระบุในคำแถลงซึ่งเผยแพร่ผ่านสำนักข่าวเคซีเอ็นเอ
กองทัพเกาหลีเหนือ “ซึ่งมีช่องทางโจมตีที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพเพียงพอ” จะใช้มาตรการตอบโต้ “อย่างทรงพลังและไร้ความปรานีต่อสหรัฐฯ ซึ่งจงใจส่งระบบ ทาด เข้ามายั่วยุให้เกิดสงคราม”
กองทัพโสมแดงยังเตือนเกาหลีใต้ให้ระวัง “การทำลายตัวเองที่น่าเศร้า” และผลพวงของการยอมให้วอชิงตันส่งระบบทาดเข้าไปติดตั้งในประเทศ
“เราขอเตือนพวกศัตรูอีกครั้งว่า กองทัพประชาชนเกาหลีมีเจตนารมณ์แน่วแน่ที่จะโจมตีเกาหลีใต้ให้ย่อยยับเป็นทะเลเพลิง ทันทีที่ได้รับคำสั่ง”
รายงานข่าวระบุว่า หลังข้อตกลงเรื่องระบบทาดถูกประกาศออกมา ชาวบ้านโสมขาวซึ่งอาศัยอยู่ในบริเวณที่คาดว่าจะถูกใช้ติดตั้งขีปนาวุธก็ได้ออกมาชุมนุมต่อต้านอย่างหนัก
เมื่อวันเสาร์ (9) ชาวเกาหลีใต้ราว 3,500 คนในเทศมณฑลชิลก็อก จังหวัดกยองซังเหนือ ได้ออกมาประท้วงแผนนำระบบ ทาด เข้าไปติดตั้งในพื้นที่ โดยชี้ว่าบ้านเกิดของพวกเขายังไม่ได้รับการพัฒนาอย่างเต็มที่ด้วยซ้ำ หลังจากที่เคยเป็นที่ตั้งฐานทัพสหรัฐฯ เมื่อปี 1960
ประชาชนราว 5,000 คนในเทศมณฑลอึมซอง จังหวัดชุงชองเหนือ ก็เตรียมที่จะออกมาชุมนุมต่อต้านระบบ ทาด เช่นกันในวันนี้ (11) เนื่องจากไม่พอใจที่รัฐบาลเกาหลีใต้ไม่เคยให้ข้อมูลเกี่ยวกับผลกระทบหรืออันตรายที่อาจเกิดกับชาวบ้านในพื้นที่
แผนการส่งระบบทาดไปยังเกาหลีใต้ยังสร้างความไม่พอใจต่อทั้งปักกิ่งและมอสโก ซึ่งมองว่าสหรัฐฯ มุ่งหมายที่จะสำแดงอำนาจทางทหารในภูมิภาคนี้
ในอีกด้านหนึ่ง กระทรวงการต่างประเทศเกาหลีเหนือแถลงในวันจันทร์ (11) ว่า ได้แจ้งให้รัฐบาลสหรัฐฯทราบแล้วว่า จะยุติการติดต่อทุกๆ อย่างกับวอชิงตันโดยผ่านสำนักงานของโสมแดง ณ องค์การสหประชาชาติในนครนิวยอร์ก หนึ่งในจุดติดต่อท้ายๆ ที่ยังเหลืออยู่ระหว่างสองประเทศ
นอกจากนั้น โสมแดงยังระบุในสารที่ผ่านออกมาจากสำนักงานยูเอ็นของตนและลงวันที่วันอาทิตย์ (10) ว่า จากนี้ไปประเด็นปัญหาทวิภาคีทุกๆ เรื่องระหว่างเกาหลีเหนือกับสหรัฐฯ จะได้รับการปฏิบัติบนพื้นฐานของกฎหมายยามสงครามของโสมแดง ซึ่งรวมถึงเรื่องของชาวอเมริกัน 2 คนที่ยังถูกคุมขังอยู่ในเกาหลีเหนือด้วย
ทั้งนี้ ออตโต วอร์มเบียร์ นักศึกษามหาวิทยาลัยชาวอเมริกันวัย 21 ปี ถูกเกาหลีเหนือลงโทษเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ให้จำคุกพร้อมใช้แรงงานหนักเป็นเวลา 15 ปี จากการขโมยแผ่นป้ายโฆษณาชวนเชื่อไปจากโรงแรมแห่งหนึ่งในแดนโสมแดง ขณะที่ คิม ดองชูล ชาวอเมริกันเชื้อสายเกาหลีที่เป็นมิชชันนารีสอนศาสนาคริสต์ ก็กำลังรับโทษจำคุกอยู่ในเรือนจำโสมแดงแห่งหนึ่ง ด้วยข้อหามีพฤติการณ์บ่อนทำลายและทำจารกรรม
ก่อนหน้านี้ไม่กี่วัน สหรัฐฯ ได้ประกาศลงโทษคว่ำบาตรคิม จองอึน ผู้นำโสมแดง ในฐานะละเมิดสิทธิมนุษยชน สร้างความโกรธเกรี้ยวให้เกาหลีเหนือ ซึ่งบอกว่านี่เท่ากับเป็น “การประกาศสงคราม” และจะตัดช่องทางการติดต่อทางการทูตระหว่างกันในทุกๆ ระดับทุกๆ ช่องทาง