เอเอฟพี - กองทัพเกาหลีเหนือทดสอบยิงขีปนาวุธจากเรือดำน้ำ (SLBM) อีกครั้งในวันนี้ (9 ก.ค.) หลังจากที่สหรัฐฯ และเกาหลีใต้ ได้บรรลุข้อตกลงจัดส่งระบบป้องกันขีปนาวุธล้ำสมัยเข้าไปประจำการยังคาบสมุทรเกาหลี
ถ้อยแถลงจากกระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้ ระบุว่า เกาหลีเหนือได้ยิง “สิ่งที่น่าจะเป็นขีปนาวุธ SLBM” ขึ้นมาจากทะเลนอกชายฝั่งเมืองซินโป (Sinpo) ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เมื่อเวลา 11.30 น. (9.30 น. ตามเวลาในไทย) โดยจรวดนั้นถูกปล่อยจากเรือดำน้ำได้สำเร็จ แต่เดินทางไปได้เพียงชั่วครู่ก็ระเบิด
สำนักข่าวยอนฮัป รายงานว่า ขีปนาวุธลูกนี้ถูกยิงขึ้นมาจากเรือดำน้ำชั้นซินโป ซึ่งมีระวางขับน้ำ 2,000 ตัน และพุ่งทะยานขึ้นไปถึงระดับความสูง 10 กิโลเมตร ก่อนจะระเบิดกลางอากาศ
เปียงยางเคยทำการทดสอบขีปนาวุธ SLBM มาแล้ว เมื่อวันที่ 23 เม.ย. ซึ่งผู้นำ คิม จอง อึน ถึงกับชื่นชมว่า เป็น “ความสำเร็จที่น่าตื่นตาตื่นใจ” พร้อมประกาศด้วยว่า เกาหลีเหนือมีศักยภาพพอที่จะโจมตีกรุงโซล หรือแม้แต่ทั่ง “สหรัฐฯ” เมื่อใดก็ได้
“เกาหลีเหนือฝ่าฝืนคำสั่งห้ามของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ด้วยการทดสอบขีปนาวุธอย่างต่อเนื่อง” กระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้ ระบุ พร้อมอ้างถึงเหตุการณ์เมื่อวันที่ 22 มิ.ย. ที่โสมแดงนำขีปนาวุธพิสัยกลาง “มูซูดัน” ออกมายิงทดสอบติด ๆ กันถึง 2 ลูกในวันเดียว
จรวดมูซูดันมีพิสัยเดินทางระหว่าง 2,500 - 4,000 กิโลเมตร และในทางทฤษฎีอาจสามารถโจมตีได้ไกลถึงฐานทัพสหรัฐฯ บนเกาะกวม
“เราขอประณามการกระทำยั่วยุเช่นนี้ด้วยถ้อยคำรุนแรงที่สุด” กระทรวงกลาโหมโสมขาวแถลงวันนี้ (9)
ด้าน นายกรัฐมนตรี ชินโซ อาเบะ แห่งญี่ปุ่น ได้ออกมายืนยันว่า การทดสอบขีปนาวุธของเกาหลีเหนือยังไม่ถือเป็นภัยคุกคามเฉพาะหน้า
“ผมไม่คิดว่าการทดสอบขีปนาวุธ SLBM ของเกาหลีเหนือจะก่อภัยคุกคามโดยตรงต่อญี่ปุ่นในเวลานี้ เราต้องผนึกกำลังกับนานาชาติ และประณามการกระทำของเปียงยาง” อาเบะ ให้สัมภาษณ์ต่อสถานีโทรทัศน์เอ็นเอชเค
ปฏิกิริยาตอบโต้ของเกาหลีเหนือมีขึ้น หลังจากที่โซลและวอชิงตันได้ประกาศข้อตกลงยินยอมให้ส่งระบบป้องกันขีปนาวุธในบรรยากาศชั้นสูง (Terminal High Altitude Area Defense - THAAD) เข้าไปติดตั้งบนคาบสมุทรเกาหลีเมื่อวันศุกร์ (8) อีกทั้งสหรัฐฯ ยังบรรจุชื่อของผู้นำ คิม จอง อึน ลงในบัญชีดำคว่ำบาตร ซึ่งทำให้เปียงยางออกมาโวยวายว่าเป็นการ “ประกาศสงคราม”
แผนการส่งระบบ THAAD ไปยังเกาหลีใต้ สร้างความไม่พอใจต่อทั้งปักกิ่ง และ มอสโก ซึ่งมองว่าสหรัฐฯ มุ่งหมายที่จะสำแดงอำนาจทางทหารในภูมิภาคนี้
เมื่อวันพุธ (6) สหรัฐฯ ได้ประกาศขึ้นบัญชีดำผู้นำ คิม จอง อึน เป็นครั้งแรก พร้อมระบุว่า คิม มีส่วนต้องรับผิดชอบโดยตรงต่อการละเมิดสิทธิมนุษยชนขั้นร้ายแรงที่เกิดขึ้นในเกาหลีเหนือ
กระทรวงการต่างประเทศโสมแดง วิจารณ์คำสั่งคว่ำบาตร คิม ว่า เป็น “การแสดงความก้าวร้าวอย่างรุนแรงที่สุด และเข้าข่ายประกาศสงคราม” กับเกาหลีเหนือ ซึ่งเปียงยาง “จะมีมาตรการตอบโต้อย่างเจ็บแสบ” และจะตัดช่องทางสื่อสารทางการทูตทุกอย่าง ตราบใดที่สหรัฐฯ ยังไม่เพิกถอนคำสั่งนี้
เกาหลีเหนือยังขู่จะนำกฎหมายสงคราม (wartime law) มาบังคับใช้ ในกรณีที่เกิดความขัดแย้งใด ๆ ก็ตามกับสหรัฐฯ
