เอเอฟพี - ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุคาร์บอมบ์ฆ่าตัวตายโจมตีแบกแดดเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งอ้างความรับผิดชอบโดยพวกรัฐอิสลาม (ไอเอส) เพิ่มขึ้นเป็น 292 ศพ จากการเปิดเผยของรัฐมนตรีรายหนึ่งในวันพฤหัสบดี (7 ก.ค.) ถือเป็นหนึ่งในเหตุโจมตีนองเลือดที่สุดในคราวเดียวในอิรัก นับตั้งแต่การรุกรานที่นำโดยสหรัฐฯ เมื่อปี 2003
มือระเบิดฆ่าตัวตายจุดชนวนรถยนต์บรรทุกระเบิดที่เขตคาร์ราดา ของกรุงแบกแดดในตอนเช้าวันอาทิตย์ (3 ก.ค.) ขณะที่ผู้คนจำนวนมากกำลังจับจ่ายก่อนถึงเทศกาลวันหยุดเนื่องในวาระสิ้นสุดการถือศีลอดในสัปดาห์นี้
เดิมทีเจ้าหน้าที่ระบุว่ามีผู้เสียชีวิตมากกว่า 250 รายจากระเบิดอานุภาพรุนแรง ซึ่งโหมกระพือไฟไหม้ลุกท่วมอาคารต่างๆ ที่อยู่ใกล้เคียงในย่านชอปปิ้งยอดนิยม
อย่างไรก็ตาม ในวันพฤหัสบดี (7 ก.ค.) อาดิลา ฮามูด รัฐมนตรีสาธารณสุขอิรัก เผยว่า ยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 292 ราย โดย 177 ศพยังไม่สามารถระบุตัวตนได้ ส่วนอีก 115 ศพได้ส่งมอบแก่ครอบครัวแล้ว นอกจากนี้ เหตุโจมตียังทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 200 คน
รัฐมนตรีสาธารณสุขรายนี้เปิดเผยกับเอเอฟพีเมื่อวันอังคาร (5 ก.ค.) ซึ่งตอนนั้นยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 150 ศพ คาดหมายว่าขั้นตอนการระบุเอกลักษณ์บุคคลของศพน่าจะใช้เวลาระหว่าง 15 ถึง 45 วัน
ดังนั้น ด้วยศพที่ยังไม่ได้ระบุเอกลักษณ์บุคคลมีจำนวนมากขึ้น จึงเชื่อว่ามันน่าจะใช้เวลานานกว่าเดิม ขณะที่ชาวบ้านต่างขุ่นเคืองต่อความล่าช้าของกระบวนการสรุปชะตากรรมบุคคลอันเป็นที่รักของพวกเขาอยู่ก่อนแล้ว
เหตุระเบิดคราวนี้กระพือความโกรธแค้นอย่างกว้างขวางในบรรดาประชาชนชาวอิรัก บางรายกล่าวหารัฐบาลไม่ดำเนินการอย่างเพียงพอสำหรับปกป้องพวกเขา ส่งผลให้นายโมฮัมเหม็ด กาห์บบัน รัฐมนตรีมหาดไทย แสดงความจำนงขอลาออกเพื่อแสดงความรับผิดชอบ ส่วนเจ้าหน้าที่ก็แถลงประหารชีวิต 5 นักโทษที่ถูกพิพากษาว่ามีความผิดและจับกุมพวกญิฮัด 40 คน ในความพยายามจำกัดผลกระทบจากเหตุโจมตี
เจ้าหน้าที่ประจำสำนักงานของนายกรัฐมนตรี ไฮเดอร์ อัล-อาบาดี บอกกับเอเอฟพีในวันพุธ (6 ก.ค.) ว่า นายกรัฐมนตรีตอบรับการลาออกของรัฐมนตรีมหาดไทย แม้ไม่มีคำแถลงอย่างเป็นทางการจากเขาในเรื่องนี้ก็ตาม
เหตุระเบิดวินาศกรรมกลางกรุงครั้งนี้ทำให้เทศกาลรื่นเริงฉลองการสิ้นสุดเดือนรอมฎอนของประชาชนชาวมุสลิม แปรเปลี่ยนเป็นช่วงเวลาแห่งการไว้อาลัยในความสูญเสียแทน
ประชาชนหลายพันคนออกมารวมตัวกันที่จุดเกิดเหตุเพื่อไว้อาลัยแก่ผู้เสียชีวิต และแสดงความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับผู้คนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุระเบิด
ถนนที่แล่นผ่านซากดำเป็นตอตะโกของตึกที่ถูกไฟเผาไหม้ในเหตุโจมตี เบียดเสียดยัดเยียดไปด้วยผู้คนเมื่อค่ำคืนวันพุธ (6 ก.ค.) บางรายโบกธงชาติอิรัก บางรายถือเทียน จำนวนมากถึงขั้นหลั่งน้ำตาและทุบหน้าอก แสดงความเสียใจกับโศกนาฏกรรมครั้งนี้
เหตุโจมตีเมื่อวันอาทิตย์ (3 ก.ค.) อ้างความรับผิดชอบโดยพวกรัฐอิสลาม (ไอเอส) ซึ่งมีรากเหง้าจากเหตุความไม่สงบที่เริ่มขึ้นตามหลังการรุกรานอิรักที่นำโดยสหรัฐฯ โค่นซัดดัม ฮุสเซน ในปี 2003
ไอเอสบุกจู่โจมแบบสายฟ้าแลบยึดพื้นที่อันกว้างขวางทางเหนือและตะวันตกของแบกแดดในปี 2014 ทว่านับตั้งแต่นั้นก็สามารถทวงดินแดนจากพวกญิฮัดกลุ่มนี้กลับคืนมาได้อย่างมาก
