คะแนนนิยมผู้นำหญิงชิลีลดต่ำเป็นประวัติการณ์

รอยเตอร์ / เอเจนซีส์ / MGR online - คะแนนนิยมของประธานาธิบดีหญิง มิเชเญ บาเชเล็ต แห่งชิลี ร่วงลงสู่ระดับต่ำที่สุดเป็นประวัติการณ์ในเดือนมิถุนายน หลังรัฐบาลของเธอต้องเผชิญกับการประท้วงของเหล่านักศึกษา, การลาออกของแกนนำคนสำคัญในคณะรัฐมนตรี ตลอดจนภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซาของประเทศ ทั้งนี้ เป็นผลการสำรวจที่มีการเผยแพร่ในวันพุธ (6 ก.ค.) โดยสำนักวิจัย “GfK Adimark”

รายงานข่าวระบุว่า คะแนนนิยมล่าสุดของประธานาธิบดีหญิง มิเชเญ บาเชเล็ต แห่งชิลี ร่วงลงสู่ระดับต่ำที่สุดเป็นประวัติการณ์ในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ที่ระดับ 22 เปอร์เซ็นต์ ลดลงจากระดับ 24 เปอร์เซ็นต์ในเดือนพฤษภาคม ถือเป็นข่าวร้ายที่อาจส่งผลกระทบต่อความพยายามในการเดินหน้าโครงการปฏิรูปประเทศของผู้นำหญิงรายนี้

คะแนนนิยมล่าสุดของบาเชเล็ตที่ลดลงเหลือเพียง 22 เปอร์เซ็นต์ยังส่งผลให้เธอกลายเป็นผู้นำชิลีที่มีคะแนนนิยมต่ำเตี้ยที่สุด นับตั้งแต่ที่ทางสถาบัน GfK Adimark เริ่มทำการสำรวจคะแนนนิยมของผู้นำดินแดนในทวีปอเมริกาใต้แห่งนี้ตั้งแต่เมื่อปี 2006 ซึ่งเป็นปีที่บาเชเล็ตได้ก้าวขึ้นครองตำแหน่งประธานาธิบดีชิลีเป็นสมัยแรกเป็นระยะเวลา 4 ปี

ผู้นำหญิงของชิลีซึ่งมีจุดยืนทางการเมืองเป็นพวกฝ่ายซ้าย กำลังดำเนินความพยายามปฏิรูปประเทศในด้านต่างๆ ทั้งการแก้ไขรัฐธรรมนูญของประเทศที่ร่างขึ้นในสมัย “เผด็จการครองเมือง” , การผ่อนปรนมาตรการห้ามทำแท้งแบบเบ็ดเสร็จ , การแก้ปัญหาอัตราค่าเล่าเรียนในมหาวิทยาลัยที่แพงสูงลิ่วจนคนหนุ่มสาวต้องหันหลังให้กับระบบการศึกษา ตลอดจนความพยายามปฏิรูปด้านแรงงานเพื่อความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของชนชั้นกรรมาชีพ

ก่อนหน้านี้ในเดือนมิถุนายน ฮอร์เฆ บูร์โกส รัฐมนตรีมหาดไทยของชิลี ที่ถือเป็นแกนนำคนสำคัญในคณะรัฐมนตรีของบาเชเล็ต ได้ประกาศลาออกจากตำแหน่งหลังเผชิญข้อขัดแย้งด้านนโยบาย และความล้มเหลวในการยุติการเผชิญหน้ากัน ตลอดจนเหตุปะทะรุนแรงระหว่างตำรวจปราบจลาจลกับเหล่านักศึกษาที่ออกมาประท้วงต่อต้านนโยบายด้านการศึกษาของรัฐบาลตามท้องถนน

ขณะเดียวกัน ภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซาของชิลี จากอัตราการเติบโตที่ต่ำเตี้ยและอัตราการว่างงานที่พุ่งสูง โดยเฉพาะในหมู่คนหนุ่มสาว ยังเป็นอีกหนึ่งปัจจัยเชิงลบที่ส่งผลกระทบต่อคะแนนนิยมของประธานาธิบดีบาเชเล็ต ที่ได้กลับเข้ามาครองอำนาจเป็นสมัยที่ 2 เมื่อปี 2014