เอเอฟพี/เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์-เกิดเหตุโจมตีด้วยระเบิดทำมือ 2 ลูก บริเวณศูนย์การค้าแห่งหนึ่งในเมืองตากอากาศชื่อดัง “บินญา เดล มาร์” ทางภาคกลางของชิลี เพิ่มความตื่นตระหนกให้กับประชาชนในดินแดนอเมริกาใต้แห่งนี้หลังเพิ่งเกิดเหตุระเบิดโจมตีสถานีรถไฟใต้ดินในกรุงซานติอาโก เมืองหลวงของประเทศไปเมื่อวันจันทร์ (8) ที่ผ่านมา จนมีผู้ได้รับบาดเจ็บไปอย่างน้อย 14 ราย
รายงานข่าวระบุว่า เหตุระเบิดล่าสุดซึ่งเกิดขึ้นเมื่อวันพุธ (10) นั้น เกิดภายในห้องน้ำของศูนย์การค้า “โอเพน พลาซา” ในเมืองดังกล่าว แต่ไม่พบผู้บาดเจ็บจากเหตุระทึกครั้งนี้ซึ่งเกิดขึ้นไม่ถึง 24 ชั่วโมง หลังเกิดเหตุระเบิดในลักษณะที่คล้ายคลึงกันด้านนอกซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่อยู่ใกล้เคียงเมื่อคืนวันอังคาร (9) เป็นเหตุให้มีสตรีรายหนึ่งบาดเจ็บ
ด้านแหล่งข่าวซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจชิลีนายหนึ่งออกมาเปิดเผยว่า ขณะนี้ทางการกำลังเร่งสืบสวนเหตุระเบิดทั้ง 3 ครั้งภายในระยะเวลาห่างกันเพียงไม่กี่วัน แต่ยังไม่สามารถสรุปได้ชัดเจนว่า เหตุระเบิดทั้งหมดเป็นฝีมือของกลุ่มใดและมีความเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งทางการเมืองหรือไม่ แม้รัฐบาลชิลีภายใต้การนำของประธานาธิบดีหญิงมิเชเญ บาเชเล็ต เฮเรียจะออกคำแถลงประณามเหตุระเบิดภายในสถานีรถไฟใต้ดินกรุงซานติอาโกเมื่อวันจันทร์ (8) ว่า เป็นการกระทำของพวก “ผู้ก่อการร้าย”
รายงานข่าวระบุว่า เหตุระเบิดภายในระบบรถไฟใต้ดินในเมืองหลวงของชิลีล่าสุดถือเป็นการโจมตีที่เกิดขึ้นเป็นครั้งที่ 2 ในรอบไม่ถึง 2 เดือน
ทั้งนี้ มีการตั้งข้อสังเกตว่า เหตุระเบิดขนาดเล็กที่เกิดขึ้นต่อเนื่องในชิลี อาจมีความเกี่ยวข้องกับเรื่องทางการเมืองในวาระครบรอบ 41 ปีการทำรัฐประหารของกองทัพชิลีเมื่อวันที่ 11 กันยายน ค.ศ.1973 ต่อประธานาธิบดีซัลบาดอร์ อาเยนเด ผู้นำซึ่งชูนโยบายสังคมนิยมสุดขั้ว โดยการรัฐประหารครั้งนั้นส่งผลให้ชาวชิลี ต้องตกอยู่ภายใต้การปกครองของจอมเผด็จการ “เอากุสโต ปิโนเชต์” นานถึง 17 ปี
