รอยเตอร์ - มหาเศรษฐี โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศจะพิจารณาส่งกองกำลังนาโตไปบดขยี้กลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลาม (ไอเอส) หากได้เป็นผู้นำสหรัฐฯ คนใหม่ ซึ่งถือเป็นการมอบหมายภารกิจแก่กลุ่มพันธมิตรทางทหารที่เขาเองเคยติเตียนว่า “ล้าสมัย” (obsolete)
ทรัมป์ ว่าที่ผู้สมัครชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีของพรรครีพับลิกัน ได้เสนอแนวคิดนี้ระหว่างให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวเอบีซีนิวส์
ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา ทรัมป์ได้ตั้งคำถามเรื่อง “ความคุ้มค่า” ของเงินทุนที่สหรัฐฯ ทุ่มเทให้กับนาโต และชี้ว่านาโตจำเป็นต้องปฏิรูปบทบาทเพื่อให้สอดคล้องกับภัยคุกคามในยุคปัจจุบัน
“ผมเห็นด้วยกับการส่งกองกำลังนาโต รวมถึงทหารจากประเทศเพื่อนบ้านเข้าไปขุดรากถอนโคนพวกไอเอส ยังไงก็ต้องกวาดล้างพวกเขาให้ได้” ทรัมป์ กล่าว
ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ยังจำกัดบทบาทของสหรัฐฯ เพียงแค่การโจมตีทางอากาศในซีเรียและอิรักเท่านั้น โดยปฏิเสธที่จะเข้าไปทำสงครามภาคพื้นดิน ขณะที่ฝ่ายรีพับลิกันวิจารณ์ว่านโยบายเช่นนี้อ่อนแอเกินไป และไม่สามารถหยุดยั้งกลุ่มติดอาวุธหัวรุนแรงได้
ทรัมป์ชี้ว่า การมอบหมายภารกิจให้นาโตร่วมกันรับผิดชอบจะช่วยผ่อนภาระแก่กองทัพอเมริกัน
“ผมไม่ต้องการให้ทหารของเราเข้าไปมีส่วนในสงครามครั้งนี้มากเกินไป แต่ควรจะเป็นภารกิจของนาโตมากกว่า... สหรัฐฯ ทุ่มเทงบประมาณมหาศาลให้นาโต เราช่วยคุ้มครองดูแลประเทศอื่นๆ ซึ่งถ้าจะว่ากันตามจริง พวกเขาก็ควรจะดูแลตัวเองในเรื่องของงบประมาณ”
คำแถลงของทรัมป์มีขึ้นพร้อมๆ กับกระแสวิพากษ์วิจารณ์เรื่องที่อดีตประธานาธิบดีบิล คลินตัน เดินทางไปพบกับ โลเร็ตตา ลีนช์ รัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ทั้งที่ ฮิลลารี คลินตัน ภรรยาของเขากำลังถูกสำนักงานสอบสวนกลาง (เอฟบีไอ) ตรวจสอบเรื่องการใช้อีเมลส่วนตัวขณะเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศ
การพบปะแบบเป็นส่วนตัวนี้เกิดขึ้นบนเครื่องบินของลีนช์ หลังจากที่เธอเดินทางไปถึงสนามบินเมืองฟีนิกซ์เมื่อค่ำวันจันทร์ (27 มิ.ย.) ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่ บิล คลินตัน กำลังจะเดินทางออกจากสนามบิน หลังจากที่ไปช่วยภรรยาหาเสียงในวันนั้น
ทรัมป์ระบุว่า เหตุการณ์นี้เป็นหลักฐานยืนยันคำพูดของเขาที่ว่า ระบบการเมืองสหรัฐฯ กำลังถูกบั่นทอนโดยพวกนักการเมืองอภิสิทธิชน
“เรื่องแบบนี้ไม่เคยมีมาก่อน... คุณถูกตรวจสอบเรื่องอีเมลอยู่แท้ๆ แต่สามีกลับดอดไปคุยกับรัฐมนตรียุติธรรม” ทรัมป์กล่าวกับเอบีซีนิวส์
คลินตันซึ่งเป็นว่าที่ผู้แทนพรรคเดโมแครตที่จะลงชิงชัยกับทรัมป์ ในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ปลายปีนี้ กำลังถูกเอฟบีไอซักฟอกเรื่องที่เธอใช้อีเมลส่วนตัวรับส่งข้อมูลขณะเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศในรัฐบาลโอบามาหนึ่ง ซึ่งถือว่าผิดกฎของรัฐบาล และเป็นคดีอื้อฉาวที่ทำให้ภาพลักษณ์ของเธอมัวหมองไปมาก
ลีนช์ยืนยันว่า เธอกับคลินตันไม่ได้คุยเรื่องการสอบสวนของเอฟบีไอ หรือภารกิจอื่นๆ ที่กระทรวงยุติธรรมกำลังดำเนินการอยู่
“ดิฉันได้พบกับประธานาธิบดีคลินตันจริง ท่านได้เข้ามาคุยกับดิฉันและสามีบนเครื่องบิน เราคุยกันเรื่องหลานๆ เสียเป็นส่วนใหญ่ แล้วก็เรื่องสังคม เรื่องการเดินทาง แต่ไม่ได้พูดถึงภารกิจของกระทรวง หรือประเด็นอื่นๆ ที่หน่วยงานอื่นกำลังดำเนินการอยู่”
