อดีตปธน.บิล คลินตันรับ พร้อมทำหน้าที่ฝ่ายเศรษฐกิจในรบ.ฮิลลารี

เอเจนซีส์ – เมื่อวานนี้(16 พ.ค)อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯสายพรรคเดโมแครต บิล คลินตันได้ให้สัมภาษณ์เปิดใจ สามารถแทรกตัวเข้าช่วยในรัฐบาลใหม่ของภรรยา ฮิลลารี คลินตัน ด้านเศรษฐกิจในปีหน้า หลังจากก่อนหน้านี้ผู้สมัครเต็งนำสายเดโมแครตศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ 2016 แย้ม พร้อมให้สามีเข้ามาร่วมบริหารประเทศ

NBC NEWS สื่อสหรัฐฯ รายงานเมื่อวานนี้(16 พ.ค)ว่า ในการให้สัมภาษณ์ของอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ บิล คลินตัน ที่จุดหาเสียงหมู่เกาะเวอร์จินไอร์แลนด์ส์ของสหรัฐฯว่า “ผมจะทำทุกอย่างตามที่ได้รับการร้องขอ แต่ผมมีความถนัดทางด้านเศรษฐกิจและการค้ามากกว่า”

ซึ่งคืนก่อนหน้านี้ในวันอาทิตย์(15 พ.ค)ในการหาเสียงที่เมืองคอนวิงตัน(Covington) รัฐเคนตักกี ฮิลลารี คลินตัน ที่ในขณะนี้กำลังอยู่ในการติดพันสู้ศึกการชิงตัวแทนผู้สมัครพรรคเดโมแครตกับสว.รัฐเวอร์มอนต์ เบอร์นี แซนเดอร์ส ได้เปิดเผยกับผู้สนับสนุนว่า “เธอมีแนวคิดที่จะให้สามี อดีตผู้นำสหรัฐฯเป็นผู้ทำการกอบกู้เศรษฐกิจอเมริกา” โดยเธอได้ให้ความเห็นว่า สามีเป็นผู้รอบรู้ว่าควรจะทำอย่างไรที่จะทำให้เศรษฐกิจฟื้น ซึ่งมีหลายพื้นที่ในอเมริกาที่ถูกทิ้งไว้เป็นต้นว่า พื้นที่ชุมชนเหมืองถ่านหิน ชุมชนรายได้น้อยกลางเมือง เป็นต้น

สื่อสหรัฐฯรายงานว่า การแถลงในวันอาทิตย์(15 พ.ค)ถือเป็นสารล่าสุดของตัวเต็งผู้ชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯจากพรรคเดโมแครตในการที่จะนำสามีเข้าสู่ที่ตำแหน่งปรึกษาด้านนโยบายของทำเนียบขาว หากว่าฮิลลารี คลินตันสามารถชนะการเลือกตั้งในปลายปีนี้ได้สำเร็จ

และ NBC NEWS ได้รายงานเพิ่มเติมว่า หลังจากเสร็จสิ้นการประกาศในรัฐเคนตักกีแล้ว ทีมหาเสียงคลินตันได้ให้ข้อมูลโดยเสนอข้อมูลในการแถลงของคลินตันอีกกว่า 20 ครั้งที่เธอได้มีการให้ความเห็นเชื่อมโยงว่า สามีของเธอ ประธานาธิบดี บิล คลินตัน จะเข้ามามีส่วนสำคัญในรัฐบาลใหม่ของเธอได้อย่างไร ซึ่งสื่อสหรัฐฯชี้ว่า ส่วนมากจะเกี่ยวข้องด้านเศรษฐกิจ

ทั้งนี้ในการให้สัมภาษณ์ของบิล คลินตันในคืนวันจันทร์(16 พ.ค)บนหมู่เกาะเวอร์จินไอร์แลนด์ อดีตผู้นำสหรัฐฯได้เปิดเผยกับNBC NEWSว่า “ประเทศแถบทะเลแคริบเบียนมีเศรษฐกิจชะงักงันมานาน และสำหรับหมู่เกาะเวอร์จินไอร์แลนด์สของสหรัฐฯ พลเมืองต้องการความเท่าเทียมด้านการรับรักษาพยาบาล และรวมไปถึงความช่วยเหลือในเรื่องค่าไฟฟ้าที่มีอัตราสูงลิ่ว”

และประธานาธิบดีคลินตันแถลงต่อว่า “หากคุณสามารถทำให้ค่าไฟฟ้าถูกลงมาได้ นั่นจะไม่ได้มีผลดีแค่กับสิ่งแวดล้อมเท่านั้น แต่ยังสามารถสร้างงานได้เป็นจำนวนมาก และจะทำให้ระบบเศรษฐกิจมีความหลากหลายอย่างคาดไม่ถึง ซึ่งผมคิดว่านี่เป็นสิ่งสำคัญและไม่ใช่สิ่งต้องใช้เงินมาก”