รอยเตอร์ - ตำรวจตุรกีทำการบุกตรวจค้นหลายจุดในวันพฤหัสบดี (30 มิ.ย.) ที่ต้องสงสัยว่าเป็นแหล่งกบดานของพวกผู้ก่อการร้ายกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) ในเมืองอิสตันบูลและเมืองอิซเมียร์ที่อยู่บริเวณชายฝั่งทะเลอีเจียน หลังจากเกิดเหตุระเบิดฆ่าตัวตายคร่าชีวิตผู้คน 42 รายที่สนามบินอิสตันบูลไปเมื่อ 2 วันก่อน
ทางการตุรกีและเจ้าหน้าที่ของสหรัฐฯ เชื่อว่ากลุ่มไอเอสคือผู้ก่อเหตุร้ายด้วยปืนและระเบิดในสนามบินที่มีคนพลุกพล่านมากเป็นอันดับ 3 ของยุโรป เมื่อคืนวันอังคารที่ผ่านมา นับเป็นเหตุระเบิดฆ่าตัวตายที่ร้ายแรงที่สุดในปีนี้ของตุรกี
สำนักข่าวอานาโดลูรายงานว่า ตำรวจต่อต้านก่อการร้ายที่นำโดยเจ้าหน้าที่กองกำลังพิเศษ ได้ทำการบุกเข้าตรวจค้นตามย่านที่อยู่อาศัยของผู้มีรายได้น้อยหลายจุดในอิสตันบูล แต่ยังไม่ชัดเจนว่าการดำเนินการครั้งนี้เกี่ยวข้องโดยตรงกับเหตุโจมตีสนามบินอาตาเติร์กหรือไม่
ขณะเดียวกัน ผู้ต้องสงสัยว่าเป็นสมาชิกกลุ่มติดอาวุธ 9 ราย ที่คาดว่ามีการติดต่อกับสมาชิกกลุ่มไอเอสในซีเรีย ได้ถูกควบคุมตัวในการบุกตรวจค้นช่วงรุ่งสางใน 4 เขตของเมืองอิซเมียร์ คนเหล่านี้ถูกกล่าวหาว่าเกี่ยวพันด้านการเงิน จัดหาคนและให้การสนับสนุนด้านสิ่งของต่างๆ ให้แก่มุสลิมสุหนี่หัวรุนแรงกลุ่มนี้
เมื่อวันอังคาร มือระเบิด 3 คนได้ใช้ปืนกราดยิงเพื่อสร้างความตื่นตระหนกบริเวณด้านนอกสนามบินที่เมืองอิสตันบูล ก่อนที่จะเข้าไประเบิดตัวตายภายในสนามบิน 2 คน ส่วนคนที่ 3 ได้ระเบิดตัวตายที่บริเวณทางเข้า ทำให้มีผู้เสียชีวิต 42 ราย บาดเจ็บ 239 ราย
ตุรกีเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มพันธมิตรต่อต้านไอเอสที่นำโดยสหรัฐฯ ทั้งยังเป็นบ้านของผู้ลี้ภัยราว 3 ล้านคน ที่หนีภัยสงครามกลางเมือง 5 ปี มาจากซีเรีย
กลุ่มรัฐอิสลามได้ประกาศตนเป็นผู้นำศาสนาอิสลาม (คอลีฟะห์) โดยครอบครองดินแดนเป็นบริเวณกว้างในอิรักและซีเรีย ทั้งยังประกาศทำสงครามกับทุกคนที่ไม่ใช่มุสลิม รวมถึงชาวมุสลิมทั้งหมดที่ไม่ยอมรับวิสัยทัศน์แบบสุดโต่งของมุสลิมสุหนี่ กลุ่มไอเอสยังเคยยอมรับว่าเป็นผู้ก่อเหตุร้ายลักษณะเดียวกันนี้ในเบลเยียมและฝรั่งเศส