รอยเตอร์ – สหภาพยุโรปข้องใจนายกรัฐมนตรีอังกฤษ เดวิด คาเมรอน ประวิงเวลา ชี้อังกฤษไม่จำเป็นต้องส่งหนังสือแจ้งอย่างเป็นทางการ สำหรับเริ่มต้นกระบวนการนับถอยหลังเพื่อลาออกจากสมาชิกภาพ เพียงแค่แจ้งในที่ประชุมผู้นำอียูวันอังคารนี้ (28) ก็มีผลโดยสมบูรณ์
โฆษกคณะมนตรียุโรป ระบุว่า การเริ่มต้นกระบวนการดังกล่าวอาจทำได้ด้วยการยื่นจดหมายต่อประธานคณะมนตรียุโรป หรือแถลงอย่างเป็นทางการในที่ประชุมคณะมนตรีฯ ซึ่งจะมีการบันทึกการประชุมอย่างเหมาะสม
ต่อข้อถามเกี่ยวกับความไม่พอใจของบรรดาผู้นำในยุโรปที่คุกรุ่นมากขึ้นจากการที่ เดวิด คาเมรอน นายกรัฐมนตรีของอังกฤษประวิงเวลาในการส่งหนังสือแจ้งอย่างเป็นทางการ ที่จำเป็นสำหรับการเริ่มกระบวนการถอนตัวนั้น เจ้าหน้าที่สหภาพยุโรป (อียู) อีกคนสำทับว่า คาเมรอนไม่จำเป็นต้องส่งเป็นเอกสาร เพียงแค่กล่าวในที่ประชุมก็พอ
ทั้งนี้ การลงประชามติเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ที่ผลปรากฏว่า ประชาชนในสหราชอาณาจักรต้องการถอนตัวจากอียู ทางผู้นำอังกฤษจะบรรยายสรุปในระหว่างงานเลี้ยงอาหารค่ำผู้นำอียูอีก 27 ชาติ ที่การประชุมสุดยอดคณะมนตรียุโรป ในบรัสเซลส์วันอังคารนี้ (28)
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา คาเมรอนผู้ประกาศลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แถลงว่า จะปล่อยให้เป็นหน้าที่ผู้นำพรรคอนุรักษ์นิยมและนายกรัฐมนตรีคนต่อไปในการเริ่มต้นมาตรา 50 ของสนธิสัญญาอียู ซึ่งกำหนดกระบวนการถอนตัวจากอียูที่กินเวลา 2 ปี เท่ากับเป็นการกลับลำจากที่เคยประกาศไว้ว่าจะเริ่มต้นกระบวนการทันทีหลังการลงประชามติ สร้างความไม่พอใจให้เหล่าผู้นำอียูที่ต้องการจบเรื่องอย่างรวดเร็ว เพื่อจำกัดความไม่แน่นอน
ผู้นำยุโรปบางคนยังหวังว่า คาเมรอนจะเริ่มต้นกระบวนการดังกล่าวเองภายในไม่กี่วันหรือไม่กี่สัปดาห์ อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่อังกฤษยังไม่ได้แสดงความเห็นใดๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้
เหล่าผู้รณรงค์ให้อังกฤษออกจากอียู กล่าวมาโดยตลอดว่า อังกฤษควรตั้งเป้าเจรจาปรับความสัมพันธ์กับอียูใหม่อย่างครอบคลุม เพื่อหาทางเข้าถึงตลาดโดยไม่ต้องอยู่ภายใต้กฎของอียูหรือเปิดรับผู้อพยพ ก่อนที่จะผูกมัดตัวเองกับกระบวนการลาออกจากสมาชิกภาพที่กินระยะเวลาในการเจรจานาน 2 ปี หลังจากเริ่มต้นดำเนินการตามมาตรา 50
การเจรจาดังกล่าวนำความหนักใจมาให้เจ้าหน้าที่และผู้นำอียูที่กลัวว่า การต่อรองที่ยืดเยื้อกับอังกฤษจะเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดปรากฏการณ์โดมิโน จากการที่กลุ่มชาตินิยมในประเทศสมาชิกอื่นๆ นำขบวนเรียกร้องขอถอนตัวตามรอยอังกฤษ แต่ขณะเดียวกัน อียูก็ไม่มีอำนาจตามกฎหมายที่จะบังคับให้ลอนดอนเริ่มต้นกระบวนการ ที่ทำได้มีเพียงกดดันทางการเมืองให้คาเมรอนรักษาคำมั่นในการเริ่มการเจรจาภายใต้มาตรา 50 และเคารพประชามติ
โฆษกคณะมนตรียุโรปกล่าวชัดเจนว่า ไม่สามารถตีความถ้อยคำของคาเมนรอนว่าเป็นการเริ่มต้นกระบวนการ เพราะตัวผู้นำอังกฤษต้องพูดออกมาเองให้ชัดเจนว่าต้องการเริ่มต้นใช้มาตรา 50
“การเจรจาเพื่อออกจากสมาชิกภาพและความสัมพันธ์ในอนาคตจะเริ่มต้นได้หลังจากการแจ้งอย่างเป็นทางเท่านั้น ซึ่งหากรัฐบาลอังกฤษมีเจตนาที่จะออกจากอียูจริงๆ ก็ควรแจ้งเรื่องนี้โดยเร็วที่สุด” เจ้าหน้าที่อียูระบุ
นับจากผลโหวตช็อกโลกเมื่อวันพฤหัสบดี ที่ฝ่ายเบร็กซิตชนะด้วยคะแนน 52% ต่อ 48% ก็เริ่มมีเสียงเรียกร้องให้อังกฤษตรวจสอบผลการทำประชามติใหม่หรือให้สภาเพิกเฉยต่อการทำประชามติ
เมื่อถูกถามว่า อังกฤษสามารถร้องขออยู่ต่อหลังจากเริ่มกระบวนการถอนตัวแล้วได้หรือไม่ เจ้าหน้าที่ของอียูตอบว่า หลังจากเริ่มต้นกระบวนการจะไม่สามารถยกเลิกได้ โดยหากประเทศใดไม่สามารถตกลงสนธิสัญญาเพื่อถอนตัวกับสมาชิกอื่นๆ ได้ กฎหมายของอียูจะไม่มีผลบังคับใช้กับประเทศนั้นโดยอัตโนมัติหลังจากสองปี