เอเจนซีส์ - คิม จองอึน อวดอ้างจรวดพิสัยกลางที่ทดสอบล่าสุด เป็นเครื่องยืนยันว่าเกาหลีเหนือมีศักยภาพในการโจมตีถึงฐานทัพอเมริกันในแปซิฟิก ทั้งนี้ การทดสอบดังกล่าวส่งผลให้คณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็นต้องเรียกประชุมฉุกเฉินเมื่อคืนวันพุธ (22 มิ.ย.) ขณะที่บัน คี-มูน เลขาธิการยูเอ็น ประณามว่าเป็น “การกระทำที่ไร้ยางอายและไร้ความรับผิดชอบ”
สำนักข่าวเคซีเอ็นเอของทางการเกาหลีเหนือรายงานเมื่อวันพฤหัสบดี (23) ว่า คิมที่ติดตามการทดสอบจรวดในวันพุธ (22) ยกย่องว่าการทดสอบดังกล่าวเป็น “เหตุการณ์ยิ่งใหญ่” ที่ส่งเสริมศักยภาพในการโจมตีก่อนด้วยอาวุธนิวเคลียร์ของเปียงยาง
“เรามีศักยภาพที่มั่นใจได้ในการโจมตีโดยรวมและในทางปฏิบัติต่ออเมริกาในปฏิบัติการรบในแปซิฟิก” ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือประกาศ
รายงานชิ้นนี้ยังอ้างอิงคำพูดของคิมที่เรียกอเมริกาว่า “ลูกไม่มีพ่อ”
ทั้งนี้ เคซีเอ็นเอเรียกชื่อขีปนาวุธที่ทดสอบว่า “ฮวาซอง-10” ขณะที่เกาหลีใต้และฝ่ายตะวันตกระบุว่าน่าจะเป็นขีปนาวุธพิสัยกลาง “มูซูดัน” ที่โสมแดงเคยนำออกอวดโฉม และพยายามทดสอบมาหลายครั้งก่อนหน้านี้ในปีนี้ ในทางทฤษฎีนั้น มูซูดันมีพิสัยระหว่าง 2,500-4,000 กิโลเมตร โดยระยะทำการไกลสุดครอบคลุมฐานทัพอเมริกันที่เกาะกวม
หลังจากล้มเหลวมาหลายครั้งในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ในที่สุดเมื่อวันพุธ (22) เกาหลีเหนือก็ลงมือทดสอบมูซูดันอีก 2 ลูก โดยลูกหนึ่งพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าก่อนจะลดระดับลงมาตกในทะเลญี่ปุ่น (ทะเลตะวันออก)
เคซีเอ็นเอรายงานว่า จรวดถูกยิงขึ้นในมุมสูงเพื่อจำลองพิสัยไกลสุด ซึ่งปรากฏว่าทำความสูงได้กว่า 1,400 กิโลเมตร และสรุปว่าการทดสอบประสบความสำเร็จด้วยดีโดยที่ไม่ทำให้ความมั่นคงปลอดภัยของเพื่อนบ้านตกอยู่ในความเสี่ยง
ประชาคมนานาชาติประณามการกระทำของโสมแดง และคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ เปิดการหารือฉุกเฉินแบบปิดลับตามคำขอของอเมริกาและญี่ปุ่นเมื่อคืนวันพุธ เพื่อพิจารณามาตรการตอบโต้เปียงยาง
ภายหลังการประชุม อเล็กซิส ลาเม็ค รองเอกอัครราชทูตประจำยูเอ็นของฝรั่งเศส ซึ่งรับตำแหน่งประธานคณะมนตรีในเดือนมิถุนายน แถลงว่า สมาชิกคณะมนตรีกังวลอย่างลึกซึ้งและคัดค้านการทดสอบซึ่งถือเป็นการละเมิดมติของยูเอ็นที่ห้ามเกาหลีเหนือใช้เทคโนโลยีขีปนาวุธโดยเด็ดขาด
นอกจากนั้น บัน คี-มูน เลขาธิการยูเอ็น ยังระบุว่า การทดสอบครั้งล่าสุดของเกาหลีเหนือเป็น “การกระทำที่ไร้ยางอายและไร้ความรับผิดชอบ”
ทั้งสหรัฐฯ องค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต้) ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ต่างประณามการทดสอบของเกาหลีเหนือ
แอช คาร์เตอร์ รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ กล่าวว่า ไม่รู้ว่าการทดสอบประสบความสำเร็จหรือไม่ แต่ยอมรับว่าจรวดหนึ่งในสองลูก “บินได้นาน” นายใหญ่เพนตากอนยังเรียกร้องการขยายระบบต่อต้านขีปนาวุธในเอเชียตะวันออก
ปัจจุบันโซลและวอชิงตันกำลังหารือเกี่ยวกับการติดตั้งระบบต่อต้านขีปนาวุธขั้นสูง THAAD ของอเมริกาในเกาหลีใต้ ซึ่งจีนคัดค้านอย่างแข็งกร้าว
นักวิเคราะห์มองว่า กระแสความไม่พอใจเหล่านี้บ่งชี้ว่าเกาหลีเหนืออาจเผชิญบทลงโทษเพิ่มเติมจากแต่ละประเทศหรือจากยูเอ็น
ทั้งนี้ หลังจากเปียงยางทดสอบนิวเคลียร์ครั้งที่ 4 เมื่อวันที่ 6 มกราคมที่ผ่านมา ตามด้วยการปล่อยจรวดพิสัยไกลในวันที่ 7 กุมภาพันธ์ คณะมนตรีมีมติให้ดำเนินมาตรการลงโทษที่รุนแรงที่สุดเท่าที่เคยใช้กับเกาหลีเหนือ สำหรับมาตรการลงโทษเพิ่มเติมในขณะนี้ต้องได้รับการสนับสนุนจากจีน ซึ่งเป็นสมาชิกถาวรของคณะมนตรี แต่ขณะเดียวกันก็เป็นพันธมิตรใกล้ชิดที่สุดของเปียงยางด้วย
หลังการทดสอบล่าสุดของเปียงยาง กระทรวงการต่างประเทศแดนมังกรออกมาแสดงการคัดค้านการดำเนินการใดๆ ที่อาจส่งผลให้สถานการณ์ความขัดแย้งลุกลาม และเรียกร้องให้ฟื้นการเจรจาเกี่ยวกับโครงการนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ
ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญและเจ้าหน้าที่รัฐบาลลงความเห็นว่า การทดสอบมูซูดันเป็นอีกหนึ่งขั้นตอนที่น่าวิตก ซึ่งจะนำไปสู่โครงการอาวุธที่มีเป้าหมายในการพัฒนาขีปนาวุธข้ามทวีป (ไอซีบีเอ็ม) ที่สามารถโจมตีถึงแผ่นดินใหญ่ของอเมริกา
เกาหลีเหนือเคยนำไอบีซีเอ็มภายใต้ชื่อรหัสเคเอ็น-08 ที่ใช้เทคโนโลยีเครื่องยนต์แบบเดียวกับมูซูดันออกมาโชว์แต่ไม่เคยทดสอบ
โคอิชิ ฮากิอูดะ โฆษกรัฐบาลญี่ปุ่นยอมรับว่า การพัฒนาเทคโนโลยีของเกาหลีเหนือมีความคืบหน้าและถือเป็นสัญญาณเตือนภัย
เจฟฟรีย ลูอิส ผู้อำนวยการโปรแกรมเอเชียตะวันออก ของมิดเดิลเบอรี อินสติติวท์ ออฟ อินเตอร์เนชันแนลในแคลิฟอร์เนีย เห็นด้วยว่า ประชาคมโลกต้องหาวิธีทำให้เปียงยางยอมระงับการทดสอบจรวด ก่อนที่เปียงยางจะประสบความสำเร็จในการทดสอบเคเอ็น-08 ที่ใช้มูซูดันเป็นพื้นฐาน