รอยเตอร์ - ความผิดพลาดในการวินิจฉัยโรคผู้หญิงรายหนึ่งที่ล้มป่วยจากการติดเชื้อเมอร์สหรือโคโรนาไวรัส ส่งผลให้คนไข้รายอื่นๆและเจ้าหน้าที่ด้านการแพทย์อีกกว่า 49 คนของโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในซาอุดีอาระเบีย ต้องติดเชื้อโรคระบาดนี้ไปด้วย องค์การอนามัยโลก(WHO) ระบุในถ้อยแถลงที่เผยแพร่ในวันอังคาร(21มิ.ย.)
สตรีวัย 49 ปีที่ไม่เปิดเผยชื่อรายนี้มาจากเมืองบูริดาห์ โดยเธอมีอาการป่วยเมื่อวันที่ 9 มิถุนายนและเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลในวันที่ 10 มิถุนายน พร้อมถูกนำตัวเข้าห้องผู้ป่วยฉุกเฉินในอาการวิกฤต
จนกระทั่งในวันที่ 12 มิถุนายน ผลตรวจโรคทางเดินหายใจตะวันออกกลาง(MERS) จะออกมาเป็นบวก ขณะที่องค์การอนามัยโลกเผยว่าเบื้องต้นผู้หญิงรายนี้เดินทางไปยังโรงพยาบาลในภาวะที่ไม่สัมพันธ์ใดๆกับโรคเมอร์ส
"เธอถูกส่งไปยังแผนกศัลยกรรมหลอดเลือด ซึ่งไม่เกี่ยวกับการติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ตะวันออกกลาง เธอไม่ได้ถูกกักกันโรคและอยู่ในห้องผู้ป่วยรวมหลายเตียง ระหว่างช่วงเวลานี้ มีเจ้าหน้าที่ด้านการแพทย์และคนไข้ติดเชื้อ 49 คน" องค์การอนามัยโลกระบุ
เจ้าหน้าที่ตอบสนองกรณีนี้ในทันที ในควาพยายามแกะรอยหาผู้คนที่สัมผัสกับเธอที่ทั้งบ้านหรือในโรงพยาบาลริยาด และ 20 คนในนั้นมีผลตรวจออกมาเป็นบวก แม้ว่า 18 จาก 20 คนไม่แสดงอาการใดๆ
กระทรวงสาธารณสุขของซาอุดีอาระเบียยังไม่ออกมาแสดงความคิดเห็นต่อถ้อยแถลงขององค์การอนามัยโลก
แม้ เมอร์ส ถูกเชื่อมโยงกับอูฐและการบริโภคนมอูฐ แต่ส่วนใหญ่ของการติดต่อจากคนสู่คนเกิดขึ้นในสถานบริการด้านสาธารณสุข ทำให้องค์การอนามัยโลกเตือนโรงพยาบาลและเจ้าหน้าที่ด้านการแพย์ให้มาตรฐานอันเข้มงวดในมาตรการป้องกันไว้ก่อนเพื่อหยุดยั้งการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส
ก่อนหน้านี้นางมากาเร็ต ชาน ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลกเคยวิพากษ์วิจารณ์ซาอุดีอาระเบีย ที่ปล่อยให้ เมอร์ส แพร่ระบาดตามโรงพยาบาลต่างๆ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าไม่ได้ยึดถือมาตรฐานการควบคุมโรค อย่างไรก็ตามเธอระบุในเดือนตุลาคมปีก่อน ว่าคาเลด อัล-ฟาลิห์ รัฐมนตรีสาธารณสุขคนใหม่ของซาอุดีอาระเบีย มีการเตรียมพร้อมมากกว่าอดีตรัฐมนตรีสาธารณสุขคนก่อนอย่างมาก
นับตั้งแต่เดือนกันยายน 2012 ระบุว่ามีผู้ติดเชื้อไวรัสเมอร์สที่ยืนยันผ่านห้องปฏิบัติการ 1,761 คน ในนั้นเสียชีวิต 629 คน