เอเอฟพี - จอร์จ โซรอส มหาเศรษฐีผู้ได้ฉายา “พ่อมดการเงิน” และเคยฟันกำไรมหาศาลจากการทำนายวิกฤตค่าเงินปอนด์เมื่อปี 1992 ได้ออกมาทำนายอีกครั้งว่า สกุลเงินของเมืองผู้ดีจะอ่อนค่าลงอย่างหนักในวันศุกร์ (24 มิ.ย.) ถึงขั้นเป็น “วันศุกร์ทมิฬ” (Black Friday) หากผลประชามติในวันพฤหัสบดีนี้ (23) ออกมาว่าอังกฤษต้องลาจากสหภาพยุโรป
โซรอส วัย 85 ปี เตือนว่า การอ่อนค่าของเงินปอนด์คราวนี้อาจร้ายแรงยิ่งกว่าวิกฤต “พุธทมิฬ” (Black Wednesday) เมื่อปี 1992 ตอนที่อังกฤษถอนตัวออกจากกลไกอัตราแลกเปลี่ยนยุโรป (European Exchange Rate Mechanism) ซึ่งเวลานั้นกองทุนของโซรอสสามารถทำกำไรได้นับพันล้านดอลลาร์จากการเทขายเงินปอนด์ โดยเก็งกำไรว่าจะซื้อกลับในราคาที่ต่ำกว่า และทำให้ธนาคารกลางของอังกฤษ (Bank of England) เกือบประสบภาวะล้มละลาย
“ถ้าอังกฤษถอนตัวจากอียู ปฏิกิริยาตอบสนองที่จะเกิดขึ้นทันทีทันใด และส่งผลกระทบต่อทุกครัวเรือน นั่นคือเงินปอนด์จะอ่อนค่าลงอย่างฮวบฮาบ” โซรอสระบุในบทความซึ่งเผยแพร่ลงหนังสือพิมพ์เดอะการ์เดียนเมื่อช่วงค่ำวานนี้ (20)
เขาประเมินว่า ปรากฏการณ์ “เบร็กซิต” จะทำให้เงินปอนด์อ่อนค่าลงอย่างน้อย 15%
“เมื่อนั้นเงิน 1 ปอนด์จะมีค่าพอๆ กับ 1 ยูโร ซึ่งนับเป็นการ “ร่วมใช้เงินยูโร” กลายๆ แบบที่ชาวอังกฤษไม่มีวันต้องการ” โซรอสกล่าวเสริม
ฝ่ายที่สนับสนุนเบร็กซิตกล่าวหาพวกที่รณรงค์ให้ “อยู่ต่อ” (Remain) ว่ากำลังใช้กลยุทธ์สร้างความหวาดกลัว โดยปล่อยข่าวว่าเศรษฐกิจเมืองผู้ดีจะพังพินาศ หากผลประชามติออกมาว่าฝ่าย “ออก” (Leave) ชนะ
โซรอสเตือนด้วยว่า การออกจากอียูจะทำให้ราคาอสังหาริมทรัพย์ในอังกฤษตกต่ำลง เกิดการสูญเสียตำแหน่งงาน และเศรษฐกิจเมืองผู้ดีอาจเข้าสู่ภาวะถดถอย
ชายผู้ครอบครองทรัพย์สินมหาศาลเป็นอันดับต้นๆ ของโลกตามการจัดอันดับโดยนิตยสารฟอร์บส์ยังระบุอีกว่า “บรรดานักเก็งกำไร” ย่อมจะรอ “ตักตวงผลประโยชน์ หากรัฐบาลหรือประชาชนชาวอังกฤษตัดสินใจพลาดแม้แต่นิดเดียว”
“การโหวตเบร็กซิตจะทำให้ใครบางคนร่ำรวยขึ้นมาก แต่ผู้ที่ไปโหวตส่วนใหญ่มีแต่จะจนลง”
“หากฝ่ายที่ต้องการ “ออก” ชนะ เราอาจได้เห็นวันศุกร์ทมิฬ และผลกระทบที่ร้ายแรงต่อประชาชนคนธรรมดา”
ผลสำรวจความคิดเห็นก่อนหน้านี้พบว่า ฝ่ายที่สนับสนุนให้อังกฤษ “อยู่ต่อ” ในอียูเริ่มมีคะแนนตีตื้น ส่งผลให้ค่าเงินปอนด์พุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 3 เดือน แต่โพลล่าสุดที่เผยแพร่ก่อนถึงวันทำประชามติ 23 มิ.ย. กลับบ่งชี้ว่าคะแนนนิยมทั้ง 2 ฝ่ายยังคงสูสีกันมาก และยากที่จะคาดเดาว่าผลโหวตจะออกมาในทิศทางใด