รอยเตอร์ - เกาหลีเหนือให้การสนับสนุน โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้ที่คาดว่าจะเป็นตัวแทนผู้สมัครประธานาธิบดีสหรัฐฯ ของพรรครีพับลิกัน โดยเว็บไซต์โฆษณาชวนเชื่อแห่งหนึ่งยกย่องเขาเป็นผู้สมัครประธานาธิบดีที่มองการณ์ไกลและสามารถปลดแอกชาวอเมริกันที่ใช้ชีวิตภายใต้ความกลัวในทุกๆ วันว่าจะถูกเกาหลีเหนือโจมตีด้วยนิวเคลียร์
เว็บไซต์ข่าวดีพีอาร์เคทูเดย์หนึ่งในกระบอกเสียงของรัฐสันโดษแห่งนี้ได้ลงคอลัมน์คอลัมน์หนึ่งเมื่อวันอังคาร (14) อธิบายว่า ทรัมป์เป็น “นักการเมืองที่ฉลาด” และเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมสำหรับชาวอเมริกันในการเลือกตั้งประธานาธิบดีวันที่ 8 พฤศจิกายน
คอลัมน์ดังกล่าวเรียก ฮิลลารี คลินตัน คู่แข่งอันดับหนึ่งของเขาจากพรรคเดโมแครตว่าเป็น “ฮิลลารีสมองทึบ” จากการที่เธอเสนอให้ใช้การคว่ำบาตรอย่างกว้างขวางแบบอิหร่านเพื่อแก้ปัญหาอาวุธนิวเคลียร์บนคาบสมุทรเกาหลี
ขณะที่ทรัมป์เคยบอกกับรอยเตอร์ว่า เขาพร้อมที่จะคุยกับ คิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือเพื่อพยายามหยุดโครงการนิวเคลียร์ของเปียงยาง และบอกว่าจีนควรช่วยแก้ปัญหานี้ด้วย
เกาหลีเหนือซึ่งมีชื่ออย่างเป็นทางการว่าสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี (ดีพีอาร์เค) อยู่ภายใต้การคว่ำบาตรขององค์การสหประชาชาติจากการทดสอบนิวเคลียร์ที่ผ่านมา เกาหลีใต้และสหรัฐฯ ระบุว่า การเรียกร้องขอเจรจาของโสมแดงไม่มีความหมายจนกว่าประเทศนี้จะดำเนินการหยุดยั้งความทะเยอทะยานด้านนิวเคลียร์ของพวกเขา
ดีพีอาร์เคทูเดย์ยังระบุด้วยว่า คำแนะนำของทรัมป์ที่ให้สหรัฐฯ ถอนทหารออกจากเกาหลีใต้จนกว่าโซลจะจ่ายค่าตอบแทนเพิ่มขึ้นคือหนทางสู่การรวมเกาหลีเป็นหนึ่ง
“มันกลายเป็นว่าทรัมป์ไม่ใช่ผู้สมัครที่หยาบคาย โง่เง่า และไร้การศึกษาอย่างพวกเขาบอก แต่เป็นนักการเมืองที่ฉลาดและเป็นผู้สมัครประธานาธิบดีที่มองการณ์ไกลอย่างแท้จริง” คอลัมน์ดังกล่าวที่เขียนโดยนักวิชาการชาวเกาหลีในจีนที่ระบุว่าตนเองชื่อ ฮาน ยองมุก ระบุ
ดีพีอาร์เคทูเดย์เป็นหนึ่งในเว็บไซต์ข่าวเกาหลีไม่กี่แห่งที่ดำเนินการโดยทางการโสมแดง แม้ว่าเนื้อหาของเว็บไซต์นี้จะไม่ได้ถูกรายงานโดยสื่อหลักของทางการทุกครั้งก็ตาม
ดีพีอาร์เคทูเดย์ระบุว่า การสัญญาว่าจะแก้ไขปัญหาบนคาบสมุทรเกาหลีผ่าน “การเจรจาไม่ใช่สงคราม” คือตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับอเมริกา ซึ่งสื่อแห่งนี้ระบุว่ากำลังอยู่ด้วยความกลัวในทุกชั่วขณะว่าจะถูกเกาหลีเหนือโจมตีด้วยนิวเคลียร์”
เกาหลีเหนือเรียกร้องมาเป็นเวลาหลายปีให้สหรัฐฯ ถอนทหารออกจากเกาหลีใต้ในฐานะก้าวแรกสู่สันติภาพบนคาบสมุทรเกาหลี และต้องการให้วอชิงตันลงนามสนธิสัญญาสันติภาพที่จะแทนที่ข้อตกลงหยุดยิงที่ทำให้สงครามเกาหลีช่วงปี 1950-1953 ยุติลง