รอยเตอร์/เอเอฟพี - สมาชิกหญิงรายหนึ่งแห่งรัฐสภาอังกฤษที่ถูกยิงและแทงจนได้รับบาดเจ็บสาหัสกลางถนนที่เมืองทางภาคเหนือในวันพฤหัสบดี (16 มิ.ย.) ได้เสียชีวิตลงแล้ว เหตุการณ์ที่ก่อความรู้สึกช็อกทั่วอังกฤษ และส่งผลให้ต้องระงับการรณรงค์หาเสียงก่อนถึงศึกลงประชามติตัดสินชะตาสถานภาพสมาชิกอียูของประเทศในสัปดาห์หน้า
“ดิฉันเสียใจอย่างยิ่งที่ต้องแจ้งให้ทราบว่าเธอได้เสียชีวิตลงแล้วจากอาการบาดเจ็บที่ได้รับ” ดี คอลลินส์ ผู้บัญชาการตำรวจเวสต์ ยอร์กเชียร์ บอกกับผู้สื่อข่าว พร้อมระบุว่า โจ ค็อกซ์ วัย 41 ปี เสียชีวิตตอน 13.48 น.ตามเวลาท้องถิ่น (ตรงกับเมืองไทย 19.48น.)
โจ ค็อกซ์ เป็น ส.ส.จากพรรคเลเบอร์ เป็นพรรคฝ่ายค้านและสนับสนุนใหัอังกฤษอยู่ในสหภาพยุโรปต่อไป ทั้งนี้เธอถูกเล่นงานขณะกำลังเตรียมตัวประชุมร่วมกับสมาชิกสภาเขตในเมืองเบิร์สทอล ใกล้กับลีดส์ ในเขตเลือกตั้งของเธอเอง
สื่อมวลชนรายงานว่าเธอทั้งถูกยิงและแทง ขณะที่ตำรวจเวสต์ยอร์กเชียร์บอกว่าชายวัย 52 ปีรายหนึ่งถูกเจ้าหน้าที่ซึ่งอยู่ใกล้เคียงรวบตัวไว้ได้ และสามารถเก็บกู้อาวุธได้ส่วนหนึ่ง ในนั้นรวมถึงปืนสั้น อย่างไรก็ตามยังไม่ทราบถึงแรงจูงใจในการก่อเหตุครั้งนี้
“เราพยายามตรวจสอบว่าเรารู้อะไรบ้างเกี่ยวกับชายคนดังกล่าว แต่ ณ ตอนนี้การสืบสวนเพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น” คอลลินส์กล่าว “เวลานี้เรายังไม่อยู่ในจุดที่จะพูดถึงแรงจูงใจ แต่เราไม่คิดว่ามีคนอื่นอีกที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้”
นายเดวิด คาเมรอน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ กล่าวว่า การเสียชีวิตของค็อกซ์ คุณแม่ลูก 2 เป็นเรื่องน่าเศร้า “เราสูญเสียสตาร์ที่ยิ่งใหญ่ และ ส.ส.นักหาเสียงที่ยอดเยี่ยม” เขากล่าว “นี่นับเป็นข่าวร้ายอย่างยิ่ง” ทั้งเธอเคยทำงานกับประธานาธิบดี บารัค โอบามาแห่งสหรัฐฯ ระหว่างการหาเสียงเลือกตั้งในปี 2008
เหล่า ส.ส.ของอังกฤษไม่ได้อยู่ในสมัยการประชุมสภา ก่อนหน้าการลงประชามติตัดสินชะตาว่าอังกฤษจะอยู่ต่อหรือออกจากอียูในวันที่ 23 มิถุนายนนี้
คณะหาเสียงทั้งสองฝ่ายของศึกประชามติต่างบอกว่าพวกเขาจะระงับกิจกรรมทั้งหมดในวันนี้ ส่วนนายคาเมรอนได้ตัดลดตารางการเดินทางเยือนยิบรอลตาร์ครั้งประวัติศาสตร์ในวันพฤหัสบดี (16 มิ.ย.) ซึ่งเดิมทีเขามีแผนขึ้นกล่าวปราศรัยต่อเวทีชุมนุมของฝ่ายสนับสนุนอยู่ในอียูที่นั่น
ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่าเหตุการณ์นี้จะส่งผลกระทบต่อศึกลงประชามติอย่างไรและมากน้อยแค่ไหน ขณะที่ผลสำรวจความคิดเห็นล่าสุดของสำนักโพลต่างๆ พบว่าฝ่ายสนับสนุนอียูมีคะแนนตกเป็นรองฝ่ายแยกตัวจากสหภาพยุโรปเสียแล้ว