เอเอฟพี - เกิดเหตุประท้วงในกรุงคาราคัส ที่กลายเป็นความบานปลายขั้นจลาจลเมื่อตำรวจเวเนซุเอลาได้เปิดฉากยิงกระสุนแก๊สน้ำตาใส่ผู้ประท้วง ที่มีนักศึกษารวมอยู่ในนั้น ท่ามความกลางกดดันเรียกร้องให้มีการจัดการลงประชามติ ชี้ชะตาประธานาธิบดีเวเนซุเอลา นิโคลัส มาดูโร และทำให้มีผู้นำพรรคฝ่ายค้านได้รับบาดเจ็บ
เอเอฟพีรายงานวันนี้ (10 มิ.ย.) ว่า ถือเป็นครั้งที่ 4 ในรอบหลายวัน ล่าสุด ที่ทางตำรวจปราบจลาจลเวเนซุเอลาต้องใช้กำลังในการต่อต้านการรวมตัวของผู้ประท้วงชาวเวเนซุเอลาในการเรียกร้องให้มีการจัดการลงประชามติไม่ไว้วางใจในตัวประธานาธิบดีเวเนซุเอลา นิโคลัส มาดูโร
โดยมีรายงานว่า บรรดาผู้ประท้วงต้องการเดินเท้าไปยังสำนักงานจัดการเลือกตั้งแห่งชาติ CNE (National Electoral Board) หลังจากที่บรรดาฝ่ายค้านต่างออกมาส่งเสียงว่า มีความจำเป็นต้องจัดการลงประชามติให้ได้ในปีนี้ เพื่อหยุดไม่ให้เวเนซุเอลาต้องตกลงเหววิกฤตทางเศรษฐกิจลึกยิ่งขึ้น
เอเอฟพี ชี้ว่า โดยในช่วงดึกวันพฤหัสบดี (9 มิ.ย.) ลุยซ์ เอมิลิโอ รอนดอน (Luis Emilio Rondon) เจ้าหน้าที่ CNE ได้ให้ข้อมูลว่า ทางหน่วยงานจะเริ่มตรวจนับรายชื่อที่ได้ลงนามเข้าร่วมคำร้องขอเปิดการลงประชามติในระหว่างวันที่ 20 - 24 มิถุนายน ซึ่งเป็นกระบวนการที่ใช้ระยะเวลามากที่สุดในกระบวนการทั้งหมด
โดยทางรอนดอนแถลงว่า รายละเอียดทั้งหมดจะถูกแถลงภายหลังในวันนี้ (10 มิ.ย.)
ทั้งนี้ การประท้วงชาวเวเนซุเอลาภายใต้การนำของนักการเมืองฝ่ายค้านเวเนซุเอลาได้เปิดฉากขึ้นอีกครั้งเมื่อวานนี้ (9 มิ.ย.) ท้าทายการประจันหน้าที่ห้อมล้อมไปด้วยกองกำลังตำรวจและทหารที่มีอยู่อย่างหนาแน่น
ซึ่งเอเอฟพีชี้ว่า บรรดาผู้ประท้วงพยายามฝ่าแผงเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเข้าไปในตัวสำนักงาน CNE และทำให้เกิดการปะทะขึ้น มีการใช้กำลังปะทะระหว่างผู้ประท้วงและเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยในภาพข่าวพบบรรดาผู้ประท้วงใช้ระเบิดเพลิงเป็นอาวุธเข้าปะทะกับฝูงเจ้าหน้าที่ในเครื่องแบบรัดกุม ซึ่งมีทั้งโล่และกระบอง รวมไปถึงแก๊สน้ำตาเป็นอาวุธ
และหนึ่งในผู้ได้รับบาดเจ็บ คือ จูลิโอ บอร์จ (Julio Borges) ผู้นำพรรคเสียงข้างมากในรัฐสภาเวเนซุเอลาได้รับบาดเจ็บจากกระบองของตำรวจ และการถูกชกต่อยและเตะ ถึงแม้ว่าบอร์จจะสวมหมวกนิรภัยป้องกันไว้ก็ตาม แต่ในที่สุดเขาต้องตัดสินใจหนี และมุ่งหน้าไปขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเวเนซุเอลาที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียง
โดยบอร์จได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวในขณะที่เลือดกำลังไหลอาบ ว่า “เรากำลังเดินมาร์ชไปอย่างสงบเพื่อให้เสียงของเราสามารถได้ยินไปถึงผู้มีอำนาจในเวเนซุเอลา เหมือนประชาชนชาวเวเนซุเอลาคนอื่น ๆ ทั่วไป แต่เป็นที่น่าเสียใจว่าสมาชิกคณะกรรมการเลือกตั้งเวเนซุเอลา CNE ปฏิเสธที่จะออกมาพบ”
และบอร์จยังกล่าวต่อว่า “เพราะคนเหล่านั้นเชื่อว่าพวกเขาอยู่เหนือกฎหมายรัฐธรรมนูญ อยู่เหนือประชาชนเวเนซุเอลาทั้งหมด”
ด้านอัยการสูงสุดเวเนซุเอลาได้ออกแถลงการณ์ในคืนวันพฤหัสบดี (9 มิ.ย.) ประกาศจะทำคดีในเหตุการณ์ประท้วงครั้งนี้ ในขณะที่ประธานาธิบดีเวเนซุเอลา นิโคลัส มาดูโร ได้กล่าวโทษความรุนแรงที่เกิดขึ้นเกิดมาจากฝีมือของฝ่ายค้าน พร้อมประกาศจะทำให้พวกยุยงให้เกิดความรุนแรงเหล่านี้เข้าสู่การลงโทษทางกฎหมาย
“ผมขอประณามในเหตุความรุนแรงที่เกิดขึ้นในวันนี้ในบริเวณย่านเศรษฐกิจดาวน์ทาวน์ของกรุงคาราคัส ที่เกิดมาจากการยุยงปลุกปั้นของพวกนักการเมืองฝ่ายขวา” มาดูโรแถลง
ซึ่งเอเอฟพีรายงานว่า ผู้นำมาดูโรต้องเผชิญหน้ากับความไม่สงบทางการเมืองท่ามกลางการขาดแคลนอย่างหนักของสินค้าขั้นพื้นฐาน รวมไปถึงยารักษาโรค ไฟฟ้า และน้ำประปา
โดยในบรรยากาศการประท้วงเมื่อวานนี้ (9 มิ.ย.) พบว่า บรรดาผู้ประท้วงได้ตะโกนเรียกร้องให้มีการจัดการลงประชามติ พร้อมกับร้องว่า พวกเราต้องอยู่อย่างหิวโหย ซึ่งทางตำรวจปราบจลาจลเวเนซุเอลาได้ใช้แก๊สน้ำตาเพื่อสลายฝูงชนที่เดินหน้าเข้ามา
ในขณะที่ สมาชิกรัฐสภาเอวเนซุเอลา ซึ่งเป็นผู้นำการประท้วง โฮเซ เกรรา (Jose Guerra) ได้ชี้ว่าในบรรดาผู้สนับสนุนมาดูโรพกอาวุธปืนในที่ชุมนุม
และในจุดอื่น ๆ ของกรุงคาราคัส เช่น พลาซ่าเวเนซุเอลา (the Plaza Venezuela) พบว่าบรรดานักเรียนนักศึกษาเวเนซุเอลาได้รวมตัวประท้วงเพื่อเดินทางไปยังสำนักงาน CNE แต่กลับถูกทางเจ้าหน้าล้อมไว้อย่างหนาแน่น โดยทางนักเรียนนักศึกษาต่างตะโกนว่า “รัฐบาลเวเนซุเอลาต้องล่มสลาย”
เอเอฟพีรายงานว่า เฮนรี รามอส แอลลัพ (Henry Ramos Allup) โฆษกพรรคเสียงข้างมากในรัฐสภาเวเนซุเอลาซึ่งเป็นฝ่ายข้าง ได้ประณามบทบาทของกองทัพเวเนซุเอลาในการเข้าควบคุมการประท้วงของฝ่ายต่อต้านมาดูโร “กองทัพเวเนซุเอลาช่างน่ารังเกียจขึ้นทุกวัน คนเหล่านี้ไม่ใช้เครื่องแบบเพื่อปกป้องประชาชน แต่กลับปกป้องรัฐบาลคอรัปชันที่ชั่วรายแทน” รามอส แอลลัพ แถลง
เอเอฟพีรายงานต่อว่า นับตั้งแต่ทาง CNE ได้ส่งสัญญาณให้สามารถดำเนินการรวบรวมรายชื่อเพื่อขอการเปิดลงประชามติ ฝ่ายค้าเวเนซุเอลาได้ออกแถลงการณ์ในวันอังคาร (7 มิ.ย.) ว่า ทาง CNE ได้ยอมรับรายชื่อ 1.3 ล้านรายชื่อ เพื่อขอเปิดการลงประชามติแล้ว
และในขณะนี้อย่างน้อย 200,000 รายชื่อ ต้องแสดงตัวตนด้วยลายพิมพ์มือประกอบ เพราะตามกฎหมายรัฐธรรมนูญเวเนซุเอลา ฝ่ายค้านต้องรวบรวมรายชื่อให้ได้ไม่ต่ำกว่า 4 ล้านรายชื่อ หรือ 20% ของผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั้งหมด เพื่อสามารถทำให้การลงประชามติสอบสวนมาดูโรสามารถดำเนินการได้