เอเอฟพี – สำนักงานควบคุมเอดส์แห่งชาติอินเดีย NACO รายงานเมื่อวานนี้(1 มิ.ย)ว่า ในช่วง 17 เดือนมีชาวอินเดีย 2,234 คนต้องติดเชื้อ HIV เพราะได้รับการถ่ายเลือดที่ติดเชื้อเอดส์ สาเหตุจากในโรงพยาบาลที่ห่างไกลไม่เครื่องมือสำหรับการคัดกรองเลือด โดยรัฐอุตตรประเทศ ที่มีประชากรมากที่สุดและยากจน เป็นรัฐที่มีจำนวนผู้ป่วยติดเชื้อมากที่สุด
เอเอฟพีรายงานในวันพุธ(1 มิ.ย)ว่า จากการที่ได้รับการร้องขอโดยอ้างกฎหมายข้อมูลข่าวสารทำให้สำนักงานควบคุมเอดส์แห่งชาติอินเดีย NACO ในวันพุธ(1 มิ.ย)ต้องออกมาเปิดเผยสถิติการติดเชื้อของประชาชนอินเดีย ซึ่งพบว่า มีชาวอินเดียจำนวน 2,234 คนต้องป่วยเป็นโรคเอดส์ หลังจากที่คนเหล่านี้ได้รับการถ่ายเลือดในช่วงระหว่างเดือนตุลาคม 2014 - มีนาคม 2016
ทั้งนี้มีรายงานว่า เชตาน โคธารี (Chetan Kothari) นักเคลื่อนไหวด้านสิทธิพลเมืองจากมุมไบเป็นผู้ยื่นร้องขอการเปิดเผย “ผมอยากทราบว่ารัฐบาลอินเดียมีมาตรการใดบ้าง เพื่อทำให้มั่นใจว่าประชาชนของตนจะสามารถเข้าถึงเลือดบริจาคได้อย่างปลอดภัย” โคธารีกล่าว
และยังให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า “จากข้อมูลแสดงให้เห็นได้ชัดว่า เลือดบริจาคเหล่านี้ไม่ได้รับการตรวจหาเชื้อ HIV ถึงแม้ทางการจะรับรู้ว่าเป็นมาตรการที่จำเป็นก็ตาม”
ซึ่งเว็บไซต์ NACO ชี้แจงว่า การเข้าถึงเลือดบริจาคที่ปลอดภัยนั้นเป็นไปได้ยาก โดยเฉพาะในถิ่นกันดารที่ห่างไกลเนื่องจากขาดเครื่องมือในการตรวจสอบ
เอเอฟพีรายงานต่อว่า ในรัฐอุตตรประเทศ ทางเหนือของอินเดีย ที่มีประชากรมากที่สุดในประเทศ พบมีผู้ป่วยติดเชื้อมากที่สุด 361 ราย เพราะได้รับเลือดที่ติดเชื้อ HIV ในระหว่างการรักษาตัวในโรงพยาบาล
และรัฐคุชราตเป็นรัฐอันดับ 2 ที่มีการพบผู้ป่วยติดเชื้อเนื่องมาจากการถ่ายเลือดโดยมีจำนวน 292 ราย และในรัฐมหาราษฏระมีผู้ติดเชื้อ HIV เป็นอันดับ 3 จำนวน 276 รายตามลำดับ
เอเอฟพีรายงานว่า ในขณะที่เมืองหลวงของอินเดีย พบผู้ติดเชื้อ HIV เนื่องมาจากการเปลี่ยนถ่ายเลือดจำนวน 264 คน ซึ่งนิวเดลีได้คาดการณ์ว่า มีประชาชนอินเดียจำนวนมากถึง 2.5 ล้านคนที่มีเชื้อ HIV จากจำนวนประชากรทั้งหมด 1.25 พันล้านคน
ทั้งในการแถลงของ NACO ทางเว็บไซต์อย่างเป็นทางการอ้างว่า ข้อมูลที่ถูกเก็บโดยหน่วยงานนั้น “ไม่เป็นทางวิทยาศาสตร์ เพราะได้เก็บตามการตอบคำถามของคนไข้ และยังสะท้อนให้เห็นว่าน้อยกว่า 1% ของจำนวนผู้ติดเชื้อเอดส์ทั้งหมดในภาพรวม
“มีหลายครั้งที่คนไข้ไม่ต้องการเปิดเผยถึงสาเหตุที่ได้รับเชื้ออย่างแท้จริง หรือการติดต่อ เป็นเพราะได้รับแรงกดดันจากสังคม หรืออาจจะไม่ทราบก็เป็นได้” ไทม์สออฟอินเดีย สื่อแดนภารตะรายงานการให้สัมภาษณ์ของแหล่งข่าวเจ้าหน้าที่อินเดีย
และทำให้ทางเจ้าหน้าที่อินเดียสรุปว่า “และดังนั้นจึงทำให้สรุปได้ว่า ข้อมูลที่มีนั้นไม่ใช่ข้อมูลที่ถูกต้อง 100%”
เอเอฟพีรายงานต่อว่า อย่างไรก็ตาม NACO ที่อยู่ภายใต้การควบคุมของกระทรวงสาธารณสุขอินเดียชี้ว่า ที่ผ่านมารัฐบาลอินเดียกำลังหาทางที่จะปรับปรุงระบบการตรวจสอบเลือดบริจาค และมีแนวทางที่จะนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้เพื่อทำให้เลือดบริจาคนั้นปลอดจากเชื้อ HIV อย่างสิ้นเชิง
ซึ่งกฎหมายอินเดียระบุว่า โรงพยาบาลทุกแห่งต้องมีมาตรการและกระบวนการในการตรวจสอบผู้บริจาคเลือด และเลือดของผู้บริจาคที่จำเป็นต้องปลอดจากเชื้อโรคทุกชนิด รวมไปถึง HIV เชื้อมาลาเรีย และเชื้อไวรัสตับอักเสบ บี และซี เป็นต้น