เอเจนซีส์ – หลังเหตุบุกยิงใน UCLA มหาวิทยาลัยระดับไอวีลีกส์ของสหรัฐฯในรัฐแคลิฟอร์เนียเช้าวันพุธ (1 มิ.ย.) ตำรวจสอบสวน LAPD พบว่า ศาสตราจารย์วิศวกรรมอวกาศและเครื่องกล วิเลียม คลัก (William Klug) เป็นเหยื่อกระสุนปืนไรเฟิลอัตโนมัติเนื่องจากนักศึกษาชายผิวขาว มือปืนก่อเหตุไม่พอใจในคะแนนผลการเรียนที่ได้รับ ด้านประธานาธิบดีสหรัฐฯ บารัค โอบามารับทราบเหตุขณะอยู่บนเครื่องบินแอร์ฟอร์สวัน
ฟ็อกซ์นิวส์สื่อสหรัฐฯ รายงานวันนี้ (2 มิ.ย.) ว่า เหตุบุกยิงกลางมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียในลอสแองเจลิส หรือ UCLA ในเวลา 10.00 น. ทำให้ทั้งมหาวิทยาลัยต้องถูกปิดตาย นักศึกษาและเจ้าหน้าที่มหาวิทยาลัยถูกขังภายในห้องเรียน และสำนักงานของตัวเอง ซึ่งมีรายงานว่าได้มีการนำเก้าอี้มาขวางไว้บริเวณประตู และใช้เข็มขัดมัดเพื่อให้คนร้ายสามารถบุกพังเข้ามาได้
เหตุครั้งนี้ทำให้มีการระดมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจลอสแองเจลิส รวมไปถึงหน่วยจู่โจมพร้อมอาวุธร้ายแรง SWAT ถูกส่งเข้าไปยังพื้นที่เกิดเหตุภายในคณะวิศวกรรมศาสตร์ ซึ่งในขณะนี้ในช่วงฤดูสอบของเหล่านักศึกษา
สื่อสหรัฐฯ รายงานต่อว่า 2 ชั่วโมงหลังจากที่มีรายงานกระสุนนัดแรกถูกยิงออกไป หัวหน้าตำรวจ LAPD ชาร์ลี เบ็ก (Charlie Beck)ได้ออกแถลงการณ์ประกาศว่า เหตุวิกฤตบุกยิงได้สิ้นสุดแล้ว และในการแถลงข่าวเบคได้ยืนยันว่า มีการยิงไปถึง 3 นัด โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจค้นพบว่าอาวุธปืนที่คาดว่าจะเป็นของคนร้าย และรวมไปถึงจดหมายที่อาจเป็นแถลงการณ์ของคนร้าย
และสำหรับเหยื่อผู้เสียชีวิต ฟ็อกซ์นิวส์ชี้ว่า ทั้งสำนักข่าวเอพีและสื่อหลายสำนักระบุตรงกันคือ ศาสตราจารย์วิศวกรรมอวกาศและเครื่องกล วิเลียม คลัก (William Klug)วั ย 39 ปี ในขณะที่เพื่อนร่วมงานของคลัก ศาสตราจารย์ด้านชีวเคมี ชาร์ลส์ น็อบเลอร์ (Charles Knobler) ได้เปิดเผยความรู้สึกว่า รู้สึกตกใจที่ทราบข่าวร้ายการเสียชีวิตของเพื่อนร่วมงานคนนี้ และกล่าวถึงคลักว่า “เป็นคนที่น่ารัก และเป็นที่ชื่นชอบของผู้คน” น็อบเลอร์กล่าว
อย่างไรก็ตาม ฟ็อกซ์นิวส์รายงานว่า สำหรับรายละเอียดของคนร้ายยังไม่มีการเปิดเผยในขณะนี้ โดยมีรายงานว่าเป็นเพศชาย แต่อย่างไรก็ตามสถานีโทรทัศน์ท้องถิ่น KTTV และหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น ลอสแองเจลีส เดลี นิวส์ รายงานว่า คนร้ายที่เสียชีวิต อาจเป็นนักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษา ส่วนสถานีวิทยุท้องถิ่น KNX radio รายงานโดยอ้างจากแหล่งข่าวตำรวจลอสแองเจลีสว่า “มือปืนไม่มีความรู้สึกพอใจในผลคะแนนที่ได้รับ”
ซึ่ง CBS นิวส์ 10 สื่อท้องถิ่นสหรัฐฯ รายงานเพิ่มเติมว่า เดลีเมล สื่ออังกฤษรายงานว่า จากกล้องโทรทัศน์วงจรปิดชี้ให้เห็นว่า “มือปืนก่อเหตุสวมเสื้อผ้าสีดำในชุดทะมัดทะแมง พร้อมมีอาวุธเป็นปืนไรเฟิลอัตโนมัติในมือ” ซึ่งเดลีเมลระบุว่า นักศึกษาชายผู้นี้เป็นชายคอเคเชียน และได้ใช้ปืนไรเฟิลอัตโนมัติกระบอกเดียวกันนี้ปลิดชีพตนเอง
ฟ็อกซ์นิวส์รายงานต่อว่า เหตุบุกยิงล่าสุดนี้เกิดขึ้นในระหว่างที่ทางเหล่านักศึกษา UCLA ที่มี 43,000 คนอยู่ในช่วงฤดูการสอบก่อนที่จะมีการปิดภาคการศึกษา โดยสื่ออังกฤษชี้ว่าในระหว่างเกิดเหตุมีรายงานว่า มีนักศึกษาจำนวนหนึ่งไม่พอใจมากที่ถูกสั่งให้หาคอมพิวเตอร์ของตัวเองเพื่อทำการสอบต่อไปในขณะที่มีการยิงเกิดขึ้น
ทั้งนี้ UCLA เป็นมหาวิทยาลัยที่ใหญ่ที่สุดในระบบของมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียที่โด่งดัง และมีมหาวิทยาลัยเลื่องชื่ออื่นๆ เป็นต้นว่า UCBERKLEY และ UCDAVIS เป็นต้น ซึ่งมี ในวันพุธ (1 มิ.ย.) ของวันเกิดเหตุ ทางมหาวิทยาลัย UCLA ได้สั่งยกเลิกการสอนทั้งหมด แต่คาดว่าจะกลับมาเปิดได้อีกครั้งในวันนี้(2 พ.ค)
แต่ทว่ารองอธิการบดี UCLA สกอตต์ วอจห์ (Scott Waugh) กล่าวผ่านแถลงการณ์ว่า สำหรับคณะวิศวกรรมศาสตร์ซึ่งเป็นที่เกิดเหตุ การเรียนการสอนของคณะวิศวกรรมศาสตร์จะถูกยกเลิกเป็นเวลา 1 สัปดาห์
ฟ็อกซ์นิวส์รายงานต่อว่าในช่วงเหตุที่เกิดขึ้น ทางมหาวิทยาลัยได้ส่งรหัส “Bruin Alert” แจ้งเตือนโดยตรงไปยังนักศึกษาและเจ้าหน้าที่มหาวิทยาลัยทุกคนให้ได้รับทราบว่ามีเหตุร้ายแรงเกิดขึ้นภายในรั้วของ UCLA ในขณะนั้น
ในเหตุบุกยิงที่เกิดขึ้น มีรายงานว่ามีความพยายามของนักศึกษาในชั้นพยายามจะใช้ทุกสิ่งที่มีเพื่อทำให้ประตูของชั้นเรียนที่ไม่สามารถถูกปิดตายได้ สามารถถูกปิดและคนร้ายไม่สามารถเข้ามาได้ และทำให้วอจ์ฮได้ให้ความเห็นผ่านแถลงการณ์ว่า เขาจะนำปัญหานี้ไปพิจารณาเพื่อให้ความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
และมีรายงานว่า ในระหว่างเกิดเหตุ ผู้ช่วยอาจารย์ได้สั่งให้บรรดานักศึกษาในชั้นเรียนปิดเครื่องคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กของตัวเอง ปิดไฟภายในห้องเรียนให้มืด รวมไปถึงเครื่องโปรเจกเตอร์ และบรรดานักศึกษาถูกสั่งให้เงียบและหลบแต่อยู่ใต้โต๊ะ
ฟ็อกซ์นิวส์รายงานว่า ในการเข้าเคลียร์ตึกภายในคณะวิศวกรรมศาสตร์ ตำรวจและหน่วยจู่โจม SWAT เข้าไปสำรวจในแต่ละห้อง ซึ่งมีรายงานว่า นักศึกษาและเจ้าหน้าที่มหาวิทยาลัยได้รับอนุญาตให้ออกจากห้องโดยไม่มีการตรวจค้นจากเจ้าหน้าที่
และในเหตุบุกยิง UCLA ประธานาธิบดีสหรัฐฯ บารัค โอบามาได้รับรายงานในระหว่างที่อยู่บนเครื่องบินประจำตำแหน่งแอร์ฟอร์สวันในระหว่างที่กำลังเดินทางไปรัฐอินดิแอนา
src="//www.facebook.com/plugins/likebox.php?href=https%3A%2F%2Fwww.facebook.com%2Fastv.aroundtheworld&width&height=290&colorscheme=light&show_faces=true&header=true&stream=false&show_border=true" scrolling="no" frameborder="0" style="border:none; overflow:hidden; height:290px;" allowTransparency="true">