รอยเตอร์ - มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 2 รายในเหตุยิงกันที่มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย (UCLA) ลอสแองเจลิส สหรัฐฯ ในวันพุธ (1 มิ.ย.) กระตุ้นให้ตำรวจทั้งนอกเครื่องแบบและในชุดเกราะรุดมายังจุดเกิดเหตุ และเจ้าหน้าที่ต้องปิดการเข้าออกมหาวิทยาลัย เบื้องต้นเชื่อเป็นการฆาตกรรมและฆ่าตัวตาย
เจมส์ เฮอร์เรน ผู้บัญชาการตำรวจยูซีแอลเอบอกกับผู้สื่อข่าวว่า หนึ่งในผู้เสียชีวิตอาจเป็นมือปืน “มีความเป็นไปได้ว่าหนึ่งในเหยื่อจะเป็นมือปืน” ก่อนที่ในเวลาต่อมา ชาร์ลี เบ็ค ผู้บัญชาการตำรวจลอสแองเจลิส เผยว่า “มีเหตุฆาตกรรมและฆ่าตัวตายเกิดขึ้น และตอนนี้ควบคุมสถานการณ์ได้อย่างสมบูรณ์แล้ว” พร้อมระบุว่าผู้เสียชีวิตทั้ง 2 รายเป็นผู้ชายและถูกพบในอาคารวิศวกรรมของมหาวิทยาลัย
สำนักข่าวเอ็นบีซี ลอสแองเจลิส รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวที่ไม่ประสงค์เอ่ยนามเผยว่าตำรวจพบจดหมายลาตายและปืน
ส่วนโฆษกกรมตำรวจลอสแองเจลิส (แอลเอพีดี) บอกแต่เพียงว่ามีผู้เสียชีวิต 2 รายจากเหตุยิงกัน แต่ไม่สามารถยืนยันรายละเอียดอื่นๆ เกี่ยวกับเหยื่อหรือให้ข้อมูลเพิ่มเติมของผู้ต้องสงสัยได้ “แอลเอพีดียังคงตรวจค้นมหาวิทยาลัยและพื้นที่โดยรอบ” ขณะที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์ของยูซีแอลเอเผยว่ามหาวิทยาลัยยังคงปิดการเข้าออก
บาห์จัต อาลีรานี นักศึกษาสาขาวิศวกรรมชีวการแพทย์ เผยว่า ตำรวจตะโกนบอกกับผู้คนให้วิ่งหลบหนีไปจากที่เกิดเหตุ “ตอนนั้นผมอยู่ในหอประชุม Boelter และผมออกไปที่บันไดเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้น และเห็นตำรวจคล้ายหน่วยสวาทตะโกนบอกทุกคนให้อพยพในทันที” เขาเล่า “ผมเช็กอีเมล และพบว่ามีอีเมลแจ้งเตือนส่งถึงนักศึกษาทุกคน แจ้งว่ามือปืนอยู่ในอาคารวิศวกรรม”
จากข้อมูลบนเว็บไซต์ของมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียระบุว่าสถาบันแห่งนี้มีนักศึกษามากกว่า 43,000 คน
เมืองลอสแองเจลิสได้แจ้งเตือนทางเทคนิคทั่วเมือง ซึ่งหมายความว่าเจ้าหน้าที่สามารถจัดสรรทรัพยกรได้ตามความต้องการ อย่างไรก็ตามไม่มีรายงานเกี่ยวกับระเบิดหรือวัตถุอื่นๆ
เจ้าหน้าที่เผยว่าตำรวจได้รับโทรศัพท์แจ้งเหตุยิงกันหลายสายตอนเวลาประมาณ 10.00 น.(ตรงกับเมืองไทย 24.00 น.) กระตุ้นให้แอลเอพีดีและตำรวจมหาวิทยาลัย เข้าค้นหาเหยื่อและผู้ต้องสงสัยในทันที