เอพี – แม้เจ้าหน้าที่และสื่อของทางการจีนประณามการขู่แก้แค้นทางเศรษฐกิจของ “โดนัลด์ ทรัมป์” แต่ผู้สังเกตการณ์มากมายในแดนมังกรกลับมองเห็นเรื่องดีๆ ที่อยู่เบื้องหลังท่าทีนี้ อาทิ การไม่พาดพิงประเด็นสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพทางการเมือง ซึ่งทำให้ว่าที่ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ จากพรรครีพับลิกันผู้นี้ ดูน่าพิสมัยกว่า “ฮิลลารี คลินตัน” แคนดิเดตจากพรรคเดโมแครตที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากับระบบคอมมิวนิสต์จีนมาตั้งแต่เมื่อกว่า 20 ปีที่แล้ว
วู จุน นักวิจารณ์การเมืองจาก “ฟินิกซ์ เทเลวิชัน” ของฮ่องกง มองว่า ทรัมป์อาจเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ส่งผลดีที่สุดสำหรับจีน เนื่องจากรีพับลิกันมีแนวทางที่ปฏิบัติได้จริงมากกว่า และทรัมป์เป็นนักธุรกิจที่ให้ความสำคัญกับผลประโยชน์ธุรกิจของตัวเองเหนือสิ่งอื่นใด ขณะที่คลินตันน่าจะเป็นประธานาธิบดีที่เป็นมิตรกับจีนน้อยที่สุด
แม้วิจารณ์จีนบ่อยครั้ง แต่ไม่เป็นที่ชัดเจนว่า ทรัมป์คุ้นเคยกับแดนมังกรแค่ไหน เพราะแม้อวดอ้างว่าทำเงินจากประเทศนี้ได้เป็นพันล้านดอลลาร์ แต่อันที่จริงแล้วเขาไม่เคยลงทุนในจีน และไม่มีวี่แววจะรู้จักผู้ทรงอิทธิพลในแวดวงการเมืองและธุรกิจจีน ในทางกลับกัน คนจีนเสียอีกที่เป็นลูกค้าโรงแรม สนามกอล์ฟ โครงการอสังหาริมทรัพย์ของทรัมป์ นอกจากนี้เสื้อผ้าและเครื่องประดับแบรนด์ทรัมป์ก็ยังผลิตในจีนด้วย
มหาเศรษฐีจากนิวยอร์กผู้นี้พาดพิงถึงจีนบ่อยมาก ซึ่งมีทั้งแบบขวานผ่าซาก (“เราไม่อาจปล่อยให้จีนข่มขืนประเทศของเราอีกต่อไป”) และเอาอกเอาใจ (“ผมชอบจีนมาก”) กระนั้น เขายังเป็นที่รู้จักน้อยมากในจีน จนกระทั่งเขาเริ่มแคมเปญหาเสียงเพื่อเป็นตัวแทนพรรครีพับลิกันเมื่อปีที่แล้ว
แม้ปักกิ่งไม่ค่อยออกมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการหาเสียงของอเมริกา แต่ข้อเสนอเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีน 45% ทำให้โหลว จี้เหว่ย รัฐมนตรีคลังจีน ออกมาตอกกลับว่า การกระทำดังกล่าวไร้เหตุผลและส่งผลลบต่อความเป็นผู้นำโลกของอเมริกาเอง
ซู เฟิ่ง ผู้เชี่ยวชาญด้านความสัมพันธ์ต่างประเทศของมหาวิทยาลัยหนานจิง ชี้ว่าคำวิจารณ์ของทรัมป์อาจกระตุ้นการตอบโต้รุนแรงกว่านี้ หากจีนไม่คุ้นเคยกับการที่ผู้สมัครอเมริกันมักพูดจาก้าวร้าวระหว่างหาเสียงและผ่อนคลายท่าทีลงหลังจากเข้ารับตำแหน่งทางการเมือง
นอกจากนี้ คนจีนจำนวนมากอาจโล่งอกที่ทรัมป์โฟกัสเฉพาะบทบาทของจีนต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ มากกว่าระบบการเมืองแบบอำนาจนิยม ปัญหาสิทธิมนุษยชน หรือนโยบายต่อทิเบตและซินเจียง
การที่เจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์ผู้นี้ตั้งคำถามเกี่ยวกับพันธะสัญญาของกองทัพอเมริกันในต่างแดน ยังเป็นถ้อยคำรื่นหูในหมู่นักชาตินิยมจีนที่ต้องการให้จีนมีอิทธิพลเหนือเอเชียและท้าทายการครอบงำของอเมริกาในภูมิภาคอื่นทั่วโลก ปักกิ่งยังกระหยิ่มยิ้มย่องที่ทรัมป์คัดค้านความตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (ทีพีพี) ที่ไม่รวมจีน ซ้ำยังต้องการตอบโต้อิทธิพลปักกิ่ง แม้อดีตพิธีกรเรียลลิตี้โชว์ผู้นี้จะวิจารณ์การสร้างเกาะเทียมของจีนในทะเลจีนใต้ก็ตาม
ขณะเดียวกัน คนจีนทั่วไปไม่ได้กังวลกับจุดยืนต่อต้านการเข้าเมืองของทรัมป์ที่เน้นที่เม็กซิโกและมุสลิม ซึ่งอาจสะท้อนกระแสการต่อต้านมุสลิมที่กำลังแพร่ขยายในแดนมังกร หลังเหตุโจมตีของกลุ่มมุสลิมหัวรุนแรงชาวอุยกูร์หลายครั้ง
ในทางกลับกัน คนจีนจำนวนมากไม่สบายใจกับคลินตันนับจากวันที่เธอปราศรัยในที่ประชุมสหประชาชาติ (ยูเอ็น) เมื่อปี 1995 ซึ่งพุ่งเป้าโจมตีปัญหาสิทธิมนุษยชนอย่างรุนแรงโดยไม่ไว้หน้าปักกิ่งที่เป็นเจ้าภาพจัดงาน
ในฐานะรัฐมนตรีต่างประเทศภายใต้คณะบริหารของบารัค โอบามาสมัยแรก คลินตันยังเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับนโยบาย “ปักหมุดเอเชีย” ที่ครอบคลุมเรื่องเพิ่มการประจำการณ์ทางทหารของอเมริกาในภูมิภาคนี้ และได้แรงผลักดันสำคัญจากการที่ปักกิ่งอ้างสิทธิ์เหนือทะเลจีนใต้อย่างก้าวร้าว
ขณะนี้ ความสนใจในตัวทรัมป์ที่จีนเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน เนื่องจากชาวแดนมังกรมองว่า การเลือกตั้งอเมริกาไม่ต่างจากการแข่งขันกีฬาแมตช์สำคัญ นอกจากนั้นกระบวนการทำงานของผู้สมัครและการหาเสียงยังเป็นสิ่งที่ไม่มีในระบบการเมืองแบบอำนาจนิยมของจีน
การเมืองอเมริกันยังเป็นประเด็นเปิดกว้าง เนื่องจากสื่อของรัฐสามารถรายงานข่าวอย่างอิสระ ดังนั้น จึงมีการวิจารณ์ทรัมป์, คลินตัน และเบอร์นี แซนเดอร์ส ผู้สมัครอีกคนของเดโมแครต อย่างกว้างขวางบนสื่อ หลายคนตั้งข้อสังเกตว่า บุคลิกที่โดดเด่นและการประชาสัมพันธ์ของทรัมป์คล้ายคลึงกับแนวทางของ “แจ็ค หม่า” นักธุรกิจชื่อดังของจีนผู้เป็นเจ้าของเว็บไซต์อาลีบาบา
แม้ไม่มีการสำรวจความคิดเห็น แต่ทัศนคติของชาวจีนต่อทรัมป์มีทั้งบวกและลบ อาทิ หนังสือพิมพ์โกลบัล ไทมส์ของทางการวิจารณ์ว่า ทรัมป์คืออาการของ “โรคร้ายอเมริกัน” เพราะขยันสร้างเรื่อง
แต่ขณะเดียวกัน ทรัมป์ก็ชนะใจคนจีนบางส่วน โดยเฉพาะในโลกออนไลน์ที่มีการตั้งกลุ่ม เช่น “โดนัลด์ ทรัมป์ ซูเปอร์ แฟนคลับ” และ “ก็อด เอ็มเพอเรอร์ ทรัมป์” โดยมียูสเซอร์คนหนึ่งโพสต์ในกลุ่มแชตว่า “ยิ่งรู้เรื่องราวเกี่ยวกับโดนัลด์ ทรัมป์ ฉันยิ่งรู้สึกแรงกล้าว่า เขาไม่ได้แค่ปกป้องอเมริกาเท่านั้น แต่ยังพิทักษ์โลกด้วย”