เอพี/เอเอฟพี - ผู้อพยพจำนวนกว่า 700 คนน่ากลัวว่าคงเสียชีวิตแล้วในเหตุเรือแตกรวม 3 ลำกลางทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ทางตอนใต้ของอิตาลี ตลอดช่วงสองสามวันที่ผ่านมา ขณะที่พวกเขาพยายามอย่างสิ้นหวังที่จะข้ามไปให้ถึงฝั่งยุโรปบนเรือลำเล็กนิดเดียวของแก๊งค้ามนุษย์ หน่วยงานด้านผู้ลี้ภัยของสหประชาชาติระบุในวันอาทิตย์ (29 พ.ค.) ทางด้านสื่อแดนสปาเกตตีซึ่งสัมภาษณ์ผู้รอดชีวิตระบุว่า ในบรรดาผู้เสียชีวิตเหล่านี้มีเด็กตายไปไม่ต่ำกว่า 40 ราย โดยจำนวนมากเป็นทารกแรกเกิด
เหตุเรือแตกในช่วงเวลา 3 วันคราวนี้ดูจะเป็นกรณีการสูญเสียชีวิตสูงที่สุดที่มีรายงานว่าเกิดขึ้นในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนนับตั้งแต่เดือนเมษายน 2015 โดยที่ในตอนนั้นมีเรือลำหนึ่งจมพร้อมด้วยผู้คนซึ่งติดอยู่ข้างในราว 800 คน
การ์โลตตา ซามี ผู้ทำหน้าที่เป็นโฆษกให้แก่สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) บอกกับสำนักข่าวเอพีทางโทรศัพท์ว่า มีคนราว 100 คนหายไปจากเรือของพวกค้ามนุษย์ลำหนึ่งซึ่งพลิกคว่ำเมื่อวันพุธ (25) ที่บริเวณนอกชายฝั่งของลิเบีย เรือของกองทัพเรืออิตาลีได้บันทึกภาพอันสยดสยองของเหตุการณ์คราวนี้ ขณะที่เร่งเข้าช่วยชีวิตผู้คนขึ้นจากทะเลให้ได้มากที่สุด
ซามีกล่าวต่อไปว่า ในตอนเช้าวันพฤหัสบดี (26) มีเรือของพวกค้ามนุษย์อีกลำหนึ่งล่มกลางทะเล ภายหลังออกมาจากเมืองท่าซาบราธา ทางภาคตะวันตกของลิเบีย 1 วันก่อนหน้านั้น โดยที่ยังมีผู้อพยพลี้ภัยสูญหายอยู่อีกประมาณ 550 คน
ผู้ลี้ภัยซึ่งเห็นเรือลำดังกล่าวจมบอกกับทางหน่วยงานของเธอว่า เรือลำนั้นซึ่งบรรทุกคนมาราว 670 คน ไม่มีเครื่องยนต์ที่ใช้การได้ แต่ถูกลากจูงโดยเรืออีกลำหนึ่งของพวกค้ามนุษย์ซึ่งก็ลำเลียงคนจนอัดแน่นเช่นกัน ครั้นแล้วเรือที่ไม่มีเครื่องยนต์ก็พลิกคว่ำ โดยมีคนราว 25 คนพยายามว่ายน้ำไปจนถึงเรือลำที่ลากจูงและรอดชีวิตมาได้ ขณะที่อีก 79 คนได้รับการช่วยเหลือจากพวกเรือตรวจการณ์ของนานาชาติ แล้วยังพบศพอีก 15 ศพ
ทางด้านตำรวจอิตาลีแถลงว่า พวกผู้รอดชีวิตได้ชี้ตัวกัปตันของเรือลำที่มีเครื่องยนต์ซึ่งใช้การได้ ปรากฏว่าเป็นชายชาวซูดานอายุ 28 ปี ตำรวจจึงจับกุมบุคคลผู้นี้เอาไว้แล้ว
สำหรับเรือแตกลำที่ 3 นั้นเกิดขึ้นในวันศุกร์ (27) โดยซามีแจ้งว่ามีผู้ได้รับการช่วยเหลือรอดชีวิต 135 คน พบศพ 45 ศพ แล้วยังมีผู้อพยพซึ่งไม่ทราบจำนวนที่สูญหายอยู่
เนื่องจากร่างของผู้สูญหายต่างหายลับไปในเขตทะเลเปิด จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะระบุจำนวนแน่นอนว่าผู้เสียชีวิตมีเท่าใดกันแน่ เท่าที่ผ่านมาพวกองค์กรด้านมนุษยธรรมและเจ้าหน้าที่กู้ภัยใช้วิธีสอบถามจากผู้รอดชีวิตแล้วนำมาปะติดปะต่อกันว่าเรื่องราวเหตุการณ์ดำเนินไปอย่างไร
ตำรวจอิตาลีได้นำเอาข้อมูลซึ่งพวกเขาก็ได้มาจากการสัมภาษณ์พวกผู้รอดชีวิต ประสานเรียงร้อยเข้ากับการบรรยายเหตุการณ์เรือจมในวันพฤหัสบดี (26) ของทาง UNHCR แต่ปรากฏว่าตัวเลขจำนวนของผู้ที่อาจสูญหายไปนั้นมีความแตกต่างกันมาก
พวกเขาระบุว่า ตามคำบอกเล่าของพวกผู้รอดชีวิต เรือลำที่ถูกลากจูงนั้นบรรทุกผู้อพยพราว 500 คน เมื่อตอนที่เริ่มมีน้ำเข้าเรือภายหลังแล่นอยู่ในทะเลมาได้ 8 ชั่วโมง ความพยายามที่จะวิดน้ำออกโดยใช้กระป๋องเปล่าขนาด 5 ลิตร 2-3 ใบตักน้ำแล้วให้ผู้อพยพเรียงแถวส่งต่อๆ กันไปทิ้งทะเลนั้น ปรากฏว่าไม่ได้ผล และเรือก็จมอยู่ใต้น้ำอย่างสิ้นเชิงหลังเวลาผ่านไปราวชั่วโมงครึ่ง เมื่อถึงจุดนั้น กัปตันของเรือลำลากจูงจึงสั่งให้ตัดเชือกโยงทิ้งไป
รายงานของตำรวจบอกว่า พวกผู้อพยพที่อยู่ดาดฟ้าบนสุดของเรือที่กำลังจม พากันกระโดดลงทะเล ขณะที่พวกอยู่ข้างล่างซึ่งประมาณว่ามีราว 300 คน ได้จมทะเลไปกับเรือ สำหรับพวกที่กระโดดลงน้ำ มีเพียง 90 คนเท่านั้นที่ได้รับการช่วยเหลือรอดชีวิตขึ้นจากน้ำ
ผู้รอดชีวิตถูกนำตัวไปขึ้นฝั่งที่เมืองท่าตารันโต บนแผ่นดินใหญ่อิตาลี และเมืองท่าปอซซัลโล บนเกาะซิซีลี ซามีกล่าวว่า หน่วยงานของเธอกำลังพยายามรวบรวมข้อมูล แต่ก็ต้องทำด้วยความระมัดระวัง เนื่องจากผู้ที่มาถึงใหม่เหล่านี้ส่วนใหญ่ถ้าไม่ใช่ผู้รอดชีวิตจากเรือแตก ก็เกิดความเจ็บปวดทุกข์ทรมานทางจิตใจจากสิ่งที่ได้พบเห็นมา
อย่างไรก็ตาม ทางด้านสื่อมวลชนอิตาลีหลายสำนักได้รายงานข่าวคำบอกเล่าของพวกผู้รอดชีวิต โดยที่มีการระบุว่าในเหตุการณ์วันพฤหัสบดี (26) หลังจากกัปตันเรือลำที่ลากจูงสั่งตัดเชือกโยง ปรากฏว่าเชือกโยงได้ดีดกลับและตัดศีรษะของผู้หญิงคนหนึ่ง
หนังสือพิมพ์รายวัน ลา เรปุบเบลกา รายงานว่า พวกผู้รอดชีวิตได้เล่าผ่านทางเจ้าหน้าที่ประสานงานว่า ในจำนวนผู้ที่ตายไปนั้น “เป็นเด็กราว 40 คน จำนวนมากเป็นทารกแรกเกิด”
พวกเกาะทางภาคใต้ของอิตาลีกำลังกลายเป็นจุดหมายปลายทางสำคัญของเรือแก๊งค้ามนุษย์จำนวนมากมาย ซึ่งในแต่ละสัปดาห์จะออกเดินทางมาจากจุดต่างๆ บนชายฝั่งลิเบียที่กลายเป็นประเทศไร้ขื่อแป โดยบรรทุกอัดแน่นไปด้วยผู้คนซึ่งต้องการแสวงหางานและความปลอดภัยในยุโรป ถึงแม้มีรายงานว่าแต่ละปีมีผู้อพยพหลายร้อยหลายพันคนต้องจมน้ำเสียชีวิตขณะพยายามข้ามทะเลเมดิเตอร์เรเนียน
รัฐมนตรีมหาดไทยอิตาลี อันเกลิโน อัลฟาโน กล่าวในวันเสาร์ (28) ว่า ยุโรปจำเป็น “ต้องทำข้อตกลงโดยเร็วกับลิเบียและประเทศแอฟริกาอื่นๆ” เพื่อยุติวิกฤตการณ์คราวนี้
ทั้งนี้ ภายหลังระบอบปกครองของโมอัมมาร์ กัดดาฟี ถูกโค่นล้มเมื่อปี 2011 โดยฝีมือของกองกำลังอาวุธกลุ่มต่างๆ ที่มีชาติยุโรปคอยสนับสนุนด้วยการโจมตีทางอากาศ ลิเบียก็กลับตกอยู่ในภาวะปั่นป่วนวุ่นวาย และกลายเป็นเหยื่อโอชะของพวกแก๊งค้ามนุษย์
อากาศในช่วงหลังๆ นี้ที่กำลังเข้าสู่ฤดูร้อน ซึ่งทำให้น้ำทะเลอุ่นขึ้นและคลื่นลมก็สงบมากขึ้น มีแต่ยิ่งทำให้มีผู้อพยพพยายามเดินทางสู่ยุโรปเพิ่มขึ้นอีก เมื่อสัปดาห์ที่แล้วมีผู้อพยพกว่า 4,000 คนทีเดียวได้รับการช่วยชีวิตกลางทะเลภายในเวลาวันเดียว จากการปฏิบัติการทางนาวีที่นำโดยอิตาลี
ลา เรปุบเบลกา ยังอ้างพวกผู้อพยพซึ่งอยู่ที่ซิซีลี ให้สัมภาษณ์กล่าวว่า มี “หัวหน้าแก๊งค้ามนุษย์” คนใหม่ ซึ่งเรียกชื่อกันว่า อุซามะห์ ได้เข้าควบคุมกิจการการเดินทางออกจากชายหาดต่างๆ ของลิเบียเอาไว้ และกำลังเสนอ “ลดราคา” การเดินทางอพยพด้วยเรือในราคาคนละ 400 ยูโร
ขณะเดียวกันก็รายงานคำบอกเล่าของผู้อพยพชาวไนจีเรียผู้หนึ่ง ซึ่งบอกว่าตัวเขาถูกขังเป็นเวลา 6 เดือนในห้องใต้ถุนของอาคารที่ถูกทิ้งร้างหลังหนึ่งในเมืองซาบราธา ของลิเบีย ในระหว่างนั้นเขาได้เห็นคนจำนวนมากถูกประหาร โดยพวกที่พยายามหลบหนีจะถูกฆ่าทิ้งโดยพวกยาม ซึ่งทั้งหมดเป็นชาวลิเบีย